“คนเก็บขยะ“ ผงะพบซากในถัง คิดว่าซากแมว ยกขึ้นมาดูกลายเป็นศพเด็กทารก พบถูกทุบท้ายทอยจนยุบ ตร.เร่งตรวจภาพวงจรปิดล่าแม่ใจยักษ์ชดใช้กรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 23 ม.ค.60 ร.ต.ท.ชัยรัตน์ จันทร์อนันต์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทย์ 191 ว่ามีคนพบร่างทารกเสียชีวิตถูกทิ้งเอาไว้ภายในถังขยะบริเวณด้านหลังห้องน้ำสถานีขนส่งผู้โดยสาร (บขส.) เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ต.วิทวัช น้อยพานิช สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี แพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
เมื่อไปถึงพบถังขยะของเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ที่นำมาวางเพื่อให้ประชาชนได้ทิ้งขยะมีทั้งหมด 6 ใบ โดยถังขยะใบที่ 4 จากซ้ายมือมีขยะอยู่เต็มถัง โดยพบร่างเด็กทารกเพศหญิง อายุประมาณ 5-6 เดือนอยู่ด้านบนโดยมีเสื้อยืดสีขาวห่อร่างเอาไว้
จากการชันสูตรเบื้องต้น พบว่า เด็กทารกคนดังกล่าวถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะด้านหลังจนยุบ เจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง จากนั้นจึงมอบให้มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์นำศพทารกไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
นายพิเชษฐ์ สะอาดสิทธิ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 499 ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนมีอาชีพเก็บขยะไปขาย โดยขณะที่กำลังคุ้ยหาขยะอยู่นั้น ปรากฏว่าพบซากอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นเหม็น ครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นซากของแมว แต่เมื่อลองใช้มือยกขึ้นมา กลับเป็นซากศพของเด็กทารก เมื่อตนเห็นถึงกับผงะ รีบวิ่งไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ บขส.ทราบ จากนั้นจึงเดินมาดูด้วยกัน เมื่อพบว่าเป็นศพของทารกจริง จึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ศพเด็กทารกที่ถูกทำร้ายแล้วนำมาทิ้งในถังขยะ อาจจะเป็นฝีมือของพ่อและแม่ที่ยังเป็นวัยรุ่น ยังไม่พร้อมที่จะมีลูก หรือท้องแล้วคลอดออกมาโดยไม่ตั้งใจ หรือฝ่ายหญิงอาจจะตั้งท้องแล้วถูกวัยรุ่นฝ่ายชายทอดทิ้ง จึงเกิดความเครียด เมื่อคลอดลูกออกมาได้ประมาณ 5-6 เดือน จึงตัดสินใจทำร้ายลูกจนเสียชีวิตแล้วนำมาทิ้งที่ถังขยะดังกล่าวก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะเร่งทำการสอบสวน พร้อมตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ในพื้นที่ เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง