ข่าว

 พยานครูแพะผวาถูกอุ้ม !!เชิญออกทีวีไม่ไปแน่น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลังเป็นข่าวดังถูกทีวีตามสัมภาษณ์ถี่ ย้ำถามกี่ครั้งก็ตอบเหมือนเดิม “คนขับรถชนคนเป็นผู้ชาย”

     วันที่ 21 มกราคม ความคืบหน้ากรณี “ครูแพะ” นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนใน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ร้องขอความเป็นธรรมในคดีที่ตกเป็นจำเลยและถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ฐานขับรถชนคนตายที่ จ.นครพนม เมื่อปี 2548 และเพิ่งได้รับการอภัยโทษออกมาหลังจากติดคุกได้ 1 ปี 6 เดือน โดยยังยืนยันว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์และมีพยานหลักฐานยืนยัน ซึ่งศาลจังหวัดนครพนมนัดไต่สวนพยานวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์นี้

     ล่าสุด หลังจากที่ นางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 51 ปี อาชีพทำนา ซึ่งเป็นเพื่อนของนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี​ หนึ่งในพยานปากเอกที่เห็นเหตุการณ์ขณะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ และพบเห็นนายเหลือ พ่อบำรุง ถูกรถชนตาย ​อีกทั้ง​ยังไปเป็นพยานในชั้นศาลพร้อมกับนางทัศนีย์ ให้แก่นางจอมทรัพย์ ออกมายืนยันต่อสื่อมวลชนอีกครั้งว่า ทั้งสองเห็นเหตุการณ์ตอนนายเหลือถูกรถชน และเห็นคนที่ขับรถชนเปิดประตูรถลงมาดูคนตายก่อนจะกลับขึ้นรถขับหลบหนีไป ซึ่งคนขับเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ทำให้รู้สึกกังวลว่าการออกมาเป็นพยานครั้งนี้จะสร้างปัญหากับตนเองหรือเปล่า

     นางทองเรศ กล่าวว่า  หลังจากตกเป็นข่าวว่าเป็น 1 ใน 2 พยานปากเอกที่เคยไปให้การในชั้นศาลคดีครูจอมทรัพย์ เมื่อหลายปีก่อน ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา มีนักข่าวโทรทัศน์จากหลายช่องเดินทางมาสัมภาษณ์ถึงบ้านพัก และยังมีรายการโทรทัศน์ข่าวรายการหนึ่งโทรศัพท์มาถามเรื่องที่ไปขึ้นศาลพร้อมกับนางทัศนีย์

“ฉันก็ให้สัมภาษณ์สดออกอากาศยืนยันคำเดิมว่า คนขับรถชนนายเหลือ​จนเสียชีวิต​เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง​ สวมเสื้อแขนยาว สวมใส่รองเท้าหนัง หลังขับรถชนแล้วก็เปิดประตูฝั่งคนขับลงจากรถมาสักพัก ก่อนขึ้นรถเร่งเครื่องหลบหนีไป นักข่าวจะถามกี่ครั้งก็บอกไปว่าคนที่เปิดประตูรถเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ซึ่งก็เป็นไปตามที่ให้การในชั้นศาลไปแล้ว” นางทองเรศ กล่าวย้ำ

     เมื่อถามว่า หลังข่าวออกสื่อทีวีหลายช่องกลัวอะไรหรือไม่ นางทองเรศ บอกว่า ก็กลัวเรื่องที่ให้ข่าวไปอยู่เหมือนกัน เพราะต้องอาศัยอยู่บ้านคนเดียว ส่วนสามีเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2540 มีลูก 2 คน คนหนึ่งแยกไปมีครอบครัว ส่วนลูกคนเล็กเป็นมือตีกลอง ต้องตระเวนไปเล่นดนตรี​ในสถานที่ต่างๆ​ โดยหลังจากให้ข่าวสื่อมวลชนที่มาถาม​​ย้ำคำถามเดิมๆ ก็บอกไปตามที่ได้พบได้เห็นไปแล้ว และยังยกมือสาบานแล้วสาบานอีก

     “ยอมรับว่าหลังพูดกับผู้สื่อข่าวแล้วยังหวาดผวา ช่วงกลางคืนต้องคอยระมัดระวังและอยู่แต่ในบ้าน ไม่กล้าเดินเพ่นพ่านออกไปไหน เพราะกลัวคนมาอุ้มไป​ทำร้าย ​หากมีใครเชิญไปออกรายการทีวีในกรุงเทพฯ จะไม่ไปเด็ดขาด ขออยู่บ้านดีกว่า” นางทองเรศ กล่าว

     พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กำชับให้ทำคดีนี้อย่างรอบคอบ โดยมอบหมาย พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วยผบ.ตร. ไปดูแลคดีนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งวันนี้ (21 ม.ค.) จเรตำรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่ บช.ภ.4 เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานตามที่พบว่ามีขบวนการบิดเบือน โดยหลักฐานส่วนหนึ่งได้เริ่มส่งให้อัยการ และส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ยังคงสืบสวนสอบสวนให้อย่างละเอียดต่อไป

     รองโฆษก ตร.ย้ำถึงการพูดคุยกันระหว่างตำรวจ กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 20 มกราคม ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี มีการประสานข้อมูลกัน แม้ต่างยังมีข้อมูลคนละด้าน แต่ก็เดินหน้าไปด้วยกัน และยืนยันว่าไม่มีการรู้เห็นกันอย่างแน่นอน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ