ปลัดยธ.กำชับบุคลากรในกระทรวงห้ามร่วมวงทะเลาะ หวั่นขยายความขัดแย้งองค์กร ชี้การรื้อฟื้นคดีอาญาต้องรอฟังผลการพิจารณาของศาลเท่านั้น
ความคืบหน้ากรณีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน และได้รับอภัยโทษเมื่อปี 2558 รวมติดคุก 1 ปี 6 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2548 จากนั้นได้เดินทางไปร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอให้รื้อคดีขึ้นมาไต่สวนใหม่ เนื่องจากไม่ได้กระทำผิดต้องตกเป็นแพะรับบาปในคดีนี้ ขณะที่พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ และชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องดังกล่าวอาจีมีการจัดฉากทำเป็นขบวนการ และอาจเกี่ยวโยงกับแก๊งรับจ้างติดคุก ขณะที่ฝั่งของกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอก็ออกมาปรามฝ่ายที่วิจารณ์ว่าอาจก้าวล่วงอำนาจศาลได้ เพราะคีดนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลแล้ว
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ. ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงข้อโต้แย้งในการรื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ว่า กรณีดังกล่าวจะไม่ขยายผลเป็นความขัดแย้งระหว่างองค์กร ที่ผ่านมากำชับไม่ให้บุคลากรในกระทรวงยุติธรรมไปร่วมวงทะเลาะด้วย การรื้อฟื้นคดีอาญาต้องรอฟังผลการพิจารณาของศาลเท่านั้น. โดยกองทุนยุติธรรมพร้อมเข้าไปให้ความช่วยเหลือนางจอมทรัพย์ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีในชั้นการไต่สวนของศาล ระหว่างวันที่. 8-10. ก.พ.นี้ รวมถึงกรณีที่นางจอมทรัพย์ถูกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูฟ้องเรียกคืนหนี้เงินกู้ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
อย่างไรก็ตาม ในคดีของนางจอมทรัพย์ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ต่องหยิบยกมาเป็นกรณีศึกษาในประเด็นว่า การไม่ให้การในชั้นสอบสวนว่าเป็นข้อดีหรือไม่. นอกจากนี้กระทรวงยุติธรรมยังทำงานร่วมกับสภาทนายความในการพัฒนาศักยภาพของทนายขอแรงและทนายอาสา. เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง