ข่าว

จับ“แฮกเกอร์วัย19”จ่อแจ้ง4ข้อหาหนัก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“จักรทิพย์”แถลงจับ แฮกเกอร์วัย19 ยึดอุปกรณ์คอมฯ-ปืน-กระสุนเพีนบ เจอแจ้ง4ข้อหาหนัก

 

           เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ธ.ค.59  ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รรท.รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ต.ศุภเชษฐ์ โชคชัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.),พล.ต.ต.ศิริพงศ์ ติมุลา ผบก.สนับสนุนทางเทคโนโลยี ,พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง,พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมกันแถลงจับกุม นายณัฐดนัย  อายุ 19 ปี ผู้ต้องหากลุ่มแฮกเกอร์ พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอก ,อาวุธปืนยาว 1 กระบอก ,โครงปืน 2 อัน ,เครื่องกระสุนจำนวนมาก ,กัญชาอัดแท่ง 3 แท่ง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จำนวนมาก โดยทางทหารจับกุมแล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ดำเนินคดี

           พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายณัฐดนัย มีการกระทำความผิดจริง นอกจากจะแฮกข้อมูลตำรวจแล้ว ยังพบมีการซื้อขายปืนทางอินเตอร์เน็ตด้วย ซึ่งนายณัฐดัย เป็นบุคคลที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่ต้องออกจากโรงเรียน ที่เป็นสถาบันเทคโนโลยีแห่งหนึ่งย่านคลองสามวา แล้วใช้คอมพิวพเตอร์ติดตามกลุ่มต่อต้าน Single Gateway ที่รวมตัวกันตั้งเพจเฟซบุ๊ก ในชื่อ พลเมืองต่อต้าน Single Gateway หรือ opsinglegateway โดยมีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นให้ต่อต้านร่าง พ.ร.บ.คอมฯฉบับใหม่ ซึ่งอ้างประเด็นการใช้ระบบซิงเกิลเกตเวย์มาปลุกระดมให้เกิดการต่อต้าน และจะมีกลุ่มที่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นเหยื่อ หลอกให้ส่งข้อมูล จากนั้นกลุ่มนี้จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปส่งต่อเพื่อให้ทุกคนหลงเชื่อและเข้าใจข้อมูลที่บิดเบือน ทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือไอโอ โดยนายณัฐดนัย ก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่หลงเชื่อกลุ่มพวกนี้ แล้วเข้ามาเจาะระบบของสำนักนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เข้าถึงข้อมูลได้ในระดับผิวเผินเท่านั้น ไม่ได้เข้าถึงชั้นความลับ หรือข้อมูลสำคัญแต่อย่างใด

 

จับ“แฮกเกอร์วัย19”จ่อแจ้ง4ข้อหาหนัก

 

           “กลุ่มนี้เริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา เมื่อทราบข้อมูลผมสั่งการไปยัง พล.ต.อ.เดชณรงค์ รรท.รอง ผบ.ตร.ด้านกิจการพิเศษ ,พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รรท.ผบช.ส. และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมทำการสืบสวนคนที่แฮกเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากนั้นอีก 3 วันสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ โดยอยู่ในความควบคุมของกองทัพ ก่อนที่วันนี้ (26 ธ.ค.) ทางกองทัพได้ส่งมาให้ตำรวจดำเนินการต่อ ตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการขยายผลต่อ ถ้ามีบุคคลใดเกี่ยวข้อง ใครเป็นคนส่งข้อมูลให้กระทำการบิดเบือนข้อเท็จจริงก็ต้องดำเนินคดีทุกคน ซึ่งร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ผ่านวาระ 3 ของ สนช. ไปนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยกับซิงเกิลเกตเวย์ แต่อันนี้เป็นการพัฒนากฎหมายเก่าเมื่อปี พ.ศ.2550 ซึ่งกฎหมายขณะนั้นขึ้นกับกระทรวงไอซีที แต่ตอนนี้ได้ปรับเปลี่ยนเป็นกระทรวงดิจิตัล แล้ว เนื่องจากโลกปัจจุบันมีความสลับซับซ้อนมากในเรื่องของคอมพิวเตอร์ต่างๆ มีการพัฒนาไปมา มีฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง ที่ผ่านมาทาง บก.ปอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับการโอนเงินจนเกิดความเสียหาย ซึ่งเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ทั้งนั้น ดังนั้นในปีนี้จึงต้องมีการปรับปรุงระบบกฎหมายให้ดีขึ้น นำกฎหมาย พ.ร.บ.เก่ามีพัฒนาใหม่ก็เท่ากัน ไม่เกี่ยวกับซิงเกิลเกตเวย์เลย” ผบ.ตร. กล่าว

           พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนของกลางนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจพบภายในห้องผู้ต้องหา ที่รับว่าซื้อขายอาวุธซึ่งเป็นของจริงทั้งหมด ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ปืนก็พบที่ใต้เตียงนอนซุกซ่อนไว้ สำหรับพฤติกรรมการแฮก ก็รับว่าทำจริง ทั้งนี้แม้มีการจับกุมแล้ว แต่ยังมีกลุ่มที่ยังหลงเหลือพยายามแฮกอยู่เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวมาให้ได้อยู่แล้ว ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู กลุ่มเหล่านี้ มี 2 ระดับ คือระดับสั่งการ และระดับปฏิบัติการ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มระดับสั่งการมีทั้งที่อยู่ในและต่างประเทศ ส่วนจะมีผู้ร่วมขบวนการกี่คนนั้นไม่ขอตอบ และจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่นั้นก็ไม่ตอบเช่นกัน แต่ถ้าหลักฐานโยงไปถึงใครก็ดำเนินการหมด ขณะที่ระดับปฏิบัติการส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ซึ่งทุกคนก็คิดเป็น แต่ก็ยังหลงเชื่อ โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 17 -20 ปี เด็กเหล่านี้จะมีความรู้ขนาดไหนถ้าไม่ถูกหลอกให้หลงเชื่อ ก็คงไม่ทำแบบนี้ อย่างไรก็ตามไม่กังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น เตือนอย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง พวกที่ทำแบบนี้พอถูกจับได้ขออย่ามาเรียกร้องขอประกันตัว ทั้งนี้จะให้ประกันตัวนายณัฐดนัย หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

           ด้าน พล.ต.ต.ศิริพงศ์ กล่าวถึงเพจเฟซบุ๊ก ในชื่อ พลเมืองต่อต้าน Single Gateway หรือ opsinglegateway ว่า กลุ่มนี้ เพจนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงเพจเฟซบุ๊ก แต่เป็นระบบปฏิบัติ การที่ให้สมาชิกส่งข้อมูล กระจายข้อมูล แบ่งโครงสร้างกลุ่มเป็น 1.ระดับสั่งการ จะสั่งการกระจายข้อมูลเพื่อให้ระดับปฏิบัติการไปก่อการตามวัตถุประสงค์ กลุ่มนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนอยู่ว่าเป็นใคร เกี่ยวข้องกับใครบ้าง 2.ระดับปฏิบัติการ แบ่งกำลังเป็นกองพล กองพัน มีกลุ่มย่อยๆ อีกหลายกลุ่ม แบ่งการทำงานโดย แสดงสัญญลักษณ์กลุ่มย่อยผ่านการติดแฮชแท็กที่แตกต่างกัน ซึ่งกำลังจำแนกอยู่ว่า แฮชแท็กใดมีผู้ใช้มากที่สุด ก็จะเร่งดำเนินการกลุ่มนี้ก่อน เบื้องต้นนายณัฐดนัยนั้นเข้ามาเจาะเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เข้ามาได้แต่ระดับผิวเผินเท่านั้น หรือจะใช้คำว่าสิวๆ ก็ได้

           ขณะที่ พล.ต.ต.ศุภเชษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในการปลอมแปลงข้อมูลอันเป็นเท็จ เนื่องจากผู้ต้องหาเชื่อว่ารัฐบาลจะน ซิงเกิลเกตเวย์มาใช้ แต่ยันยันว่าใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ผ่านวาระ3 นั้นไม่ได้เรื่องของ ซิงเกิลเกตเวย์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อผู้ต้องหาเชื่ออย่างนั้นจึงตกเป็นเหยื่อให้มาโจมตีเว็บไซต์ของภาครัฐ

           ทั้งนี้ พล.ต.อ.เดชณงค์ กล่าวว่า ขอฝากไปยังคนที่ยังหลงกระทำความผิด หยุดการกระทำความผิดเหล่านั้น เนื่องจากตำรวจมีศักยภาพในการสืบสวน พิสูจน์ทราบ ควบคุมตัว ขณะนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ขยายผล ได้นำตัวบุคคลต้องสงสัยมาอยู่ในที่ปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์เลย บุคคลเหล่านั้นที่ทำต้องรู้ว่าตัวเองอาจจะมีศักยภาพ แต่อย่าใช้ศักยภาพในทางที่ผิด ถ้าตัวเองรับเงินรับทองจากใครต้องดูว่ามันสมควรหรือไม่ ต้องหยุดกระทำทันที ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ความมั่นคง จะเข้าถึงตัวพวกคุณได้ 

           “กรณีที่มีข่าวว่ามีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 9 คนนั้น ยังไม่ยืนยัน แต่มีจำนวนหนึ่ง ซึ่งนายณัฐดนัย เป็นคนแรกที่เจ้าหน้าที่นำมาดำเนินการ เนื่องจากมีความผิดชัดเจน ส่วนผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยแต่ละคนมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฐานมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 4,7 และ14 ,ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ,ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษประเภท5(กัญชา) พ.ศ.2552 และ ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 จำคุกไม่เกิน 10 ปีปรับไม่เกิน 20,000 บาท” พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าว

           รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มนี้มีระดับปฏิบัติการที่เคลื่อนไหวประมาณ 10 กว่าคน โดยระดับสั่งการจะส่งข้อมูลเบื้องต้นให้กลุ่มระดับปฏิบัติการที่มีความรู้เข้าไปเจาะข้อมูล เมื่อทำสำเร็จก็จะได้รับชื่อเสียง การยกย่องจากกลุ่ม ว่า มีฝีมือ สามารถเข้าเจาะข้อมูลหน่วยงานต่างๆ ได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ