ลุงโหดทุบตีหลาน3ขวบ'ตาปูด-ขาหัก'

               เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 27 ก.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีเด็กชาย อายุ 3 ขวบ ถูกทำร้าย ใบหน้าบวมปูด ต้นขาขวาหัก นอนเข้าเฝือกรักษาตัวอยู่ที่ หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก รพ.ปทุมธานี ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยมี น.พ.มณเฑียร เพ็งสมบัติ รอง ผอ.รพ.ปทุมธานี นางวรภัทร แสงแก้ว หัวหน้ากลุ่มงานสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ศูนย์พึ่งได้ OSCC รพ.ปทุมธานี พร้อมพยาบาลเข้าเยี่ยมอาการและดูแลรักษา เบื้องต้นเด็กอาการดีขึ้น
               โดยเด็กคนดังกล่าวอยู่ในสภาพต้นขาขวาหัก นอนเข้าเฝือกอยู่ที่โรงพยาบาล มีพี่สาววัย 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ต้องหยุดเรียนมาเฝ้าดูแลน้องชาย เนื่องจากแม่วัย 38 ปี ต้องไปทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์สาย 33 ปทุมธานี-สนามหลวง โดยครอบครัวของเด็กอาศัยอยู่บ้านลุง อายุ 50 ปี ย่านคลองวัดโคก ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี แต่เนื่องจากลุงติดยาเสพติด มีนิสัยขี้โมโห มีอารมณ์รุนแรง เมื่อไม่พอใจอะไรก็จะลงไม้ลงมือกับเด็กเป็นประจำ เนื่องจากเด็กจะพักอยู่บ้านคนเดียว ส่วนพี่สาวไปเรียนหนังสือ ขณะที่แม่ก็ต้องไปทำงาน จนชาวบ้านใกล้เคียงทนไม่ไหว แต่ไม่กล้ายื่นมือช่วยเหลือ หลายครั้งเด็กถูกทำร้ายจนหูตาปูด ต้องพาส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาอาศัยอยู่บ้านลุงเหมือนเดิม เนื่องจากแม่ของเด็กมีฐานะยากจน จึงต้องยอมทนอยู่ต่อไป จนล่าสุดเด็กถูกลุงเตะจนต้นขาหัก และได้เข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี
               น.พ.มณเฑียร กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้รับตัวเด็กถูกทำร้ายร่างกายจากคนในครอบครัวของตัวเอง โดยเป็นผู้ที่ติดยาเสพติด ชอบทำร้ายเด็ก เด็กถูกทำร้ายจนต้องเข้ามารักษาที่ รพ.ปทุมธานี ถึง 5 ครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แม่ได้พามาให้แพทย์ดู แล้วรับยากลับไปบ้าน แต่ครั้งนี้รุนแรงมาก ถูกทำร้ายจนกระดูกต้นขาขวาหัก ซึ่งต้องใช้ระยะเวลารักษาประมาณ 2 เดือน ถึงจะหายเป็นปกติ
               นางวรภัทร กล่าวว่า การช่วยเหลือต่อไปจะเป็นส่วนของการคุ้มครองสวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ของเด็กต่อจากนี้ไป เบื้องต้นแม่ของเด็กได้ดำเนินการแจ้งความที่ สภ.เมืองปทุมธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสงเคราะห์ครอบครัวและคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็ก เพื่อให้ในระยะยาวครอบครัวจะดูแลเด็กคนนี้ได้อย่างไรให้ปลอดภัย คนที่ทำร้ายเด็กนั้น แม่ของเด็กก็พึ่งพิงด้านที่อยู่อาศัย เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นผู้ที่ใกล้ชิด มีอิทธิพลต่อครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำร้ายเด็กหลายครั้งมาก แต่แม่ไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากมีภาวะต้องพึ่งพากันอยู่ แต่ว่าครั้งนี้เด็กถูกทำร้ายอาการหนักมากเกินไป เพื่อนบ้านใกล้เคียงก็ไม่กล้าห้าม หรือดำเนินการใดๆ หลังจากนี้จะให้ทีมสหวิชาชีพ แพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคม อัยการ ตำรวจ และครู ช่วยคุ้มครองเด็กและดูแลสวัสดิภาพในระยะยาวต่อไป
               “อยากฝากถึงประชาชนทั่วไป กรณีที่พบเห็นเด็กถูกทำร้าย หรือถูกกระทำด้วยความรุนแรงในที่สาธารณะ ให้รีบเข้าไปช่วยเหลือเด็กทันที เพื่อให้การทำร้ายนั้นยุติ และเด็กได้รับความปลอดภัย แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองด้วย ประชาชนทั่วไปต้องตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาความรุนแรงในการที่จะไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย และไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงการแจ้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC โทร 1300 ตลอด 24 ชม. เมื่อพบเห็นเหตุการณ์ความรุนแรง”