ไฟไหม้ตึก4ชั้นย่านเยาวราช คุมเพลิงได้ไร้เจ็บ-ตาย

               เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ก.ย.59 ร.ต.อ.วิวัฒน์ชัย เกษีสังข์ รอง สว.(สอบสวน) สน.จักรวรรดิ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านสำเพ็งเซ็นเตอร์ เลขที่ 395 ชุมชนตลาดเก่าเยาวราช ซอยวานิช 1 แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก.สน.จักรวรรดิ นายมนัส ประจวบจินดา ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมประสานรถน้ำดับเพลิงจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร จำนวน 10 คัน
               ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ที่บริเวณชั้น 4 พบควันดำพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเร่งต่อสายดับเพลิงระดมฉีดน้ำ เนื่องจากห้องต้นเพลิงเป็นที่เก็บสินค้า อาทิ รองเท้า กระดาษ สินค้ากิฟต์ช้อบ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และที่เกิดเหตุเป็นซอยแคบ รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปทำการฉีดน้ำได้ นักผจญเพลิงต้องนำสายฉีดน้ำขึ้นอาคารข้างเคียงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงกันไฟลุกลาม ก่อนสามารถควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ
               พ.ต.อ.ภพธร กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า อาคารพาณิชย์ดังกล่าวเป็นอาคารแบ่งให้เช่า เป็นที่เก็บของอาทิ กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเบ็ดเตล็ด โดยมีนายบรรภพ วงศ์เกียรติคุณ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 ซอยพระเข้าตากสิน 34 แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม. เป็นผู้เช่าอาคารพาณิชย์ดังกล่าวดัดแปลงเป็นที่เก็บสินค้า ซึ่งขณะเกิดเหตุมี น.ส.ชลธิชา นานประโค อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 4 ต.โคกย่าง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เป็นคนเฝ้าห้องเก็บของดังกล่าวขณะเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะอาคารดังกล่าวมีการสร้างมาหลายปีแล้ว หลังจากนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

               ด้านนายมนัส เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะได้สั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา เข้ามาตรวจสอบอาคารพาณิชย์ดังกล่าว ว่ามีการต่อเติมดัดแปลงสภาพอาคารให้เป็นโกดังเก็บของ หรือต่อเติมเพิ่มขึ้นเป็น 5 ชั้นหรือไม่ โดยต้องตรวจสอบใบอนุญาติต่อเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมตรวจสอบโครงสร้างของอาคาร ว่าปลอดภัยหรือไม่ เนื่องจากไฟไหม้อาคารนานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างนี้ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กั้นพื้นที่ ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้ตัวอาคารเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย