ข่าว

สลด!สาวไทยพร้อมลูกวัย12ถูกสามีนอร์เวย์ยิงเสียชีวิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สลดสาวไทยพร้อมลูกชายวัย 12 ถูกสามียิงเสียชีวิตในนอร์เวย์ ก่อนพยายามฆ่าตัวตายตามแต่ถูกช่วยไว้ทัน แม่ผู้ตายเข้าร้องปวีณาช่วยติดตามคดีหวั่นไม่คืบหน้า

             ชาวเน็ตได้เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียจากข้อมูลคนไทยที่อาศัยในประเทศนอร์เวย์ ถึงข่าวเศร้าสลดใจการเสียชีวิตของน.ส.พิมศิริ และลูกชายชื่อน้องเพชร วัย 12 ขวบ ที่อาศัยอยู่กับสามีชาวนอร์เวย์ ที่เมืองเคียร์เคเนส ประเทศนอร์เวย์ ได้ถูกสามีใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตพร้อมลูกชายชาวไทย และสื่อต่างๆในนอร์เวย์ก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

             ชาวไทยในนอร์เวย์ที่รู้จักกับผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลว่าเหตุร้ายดังกล่าวเกิดเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 ส.ค.) เวลากลางดึก น.ส.พิมศิริ อายุ 37 ปี และลูกชาย ได้ถูกสามีชาวนอร์เวย์ อายุ 59 ปี สังหาร ส่วนฝ่ายชายก็พยายามฆ่าตัวตายตาม แต่ตำรวจนำตัวส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตไว้ได้ทัน

             ทั้งนี้มูลเหตุมาจากวันศุกร์(19 ส.ค.)ก่อนเกิดเหตุฝ่ายหญิงถูกทำร้ายร่างกาย และได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจไว้ ฝ่ายหญิงต้องการแยกกันอยู่กับสามี จึงได้เก็บข้าวของเพื่อรอวันจันทร์(22 ส.ค.)จะได้ย้ายออกไปบ้านพักฉุกเฉิน แต่ก็ต้องมาจบชีวิตพร้อมลูกชายที่เพิ่งฉลองวันเกิดไปไม่กี่ชั่วโมงเสียก่อน ตอนนี้รอสอบปากคำสามีชาวนอร์เวย์ที่ยังอยู่โรงพยาบาล ส่วนเจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทยจะประสานงานช่วยเหลือให้แม่และน้องมารับศพผู้เสียชีวิตที่นอร์เวย์

             ด้านสื่อนอร์เวย์ รายงานว่าทั้งสองแต่งงานกันตั้งแต่ปี 2556 และฝ่ายหญิงได้รับสิทธิ์ผู้อยู่อาศัยถาวรในนอร์เวย์ แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าลูกชายของเธอได้รับสิทธิ์นี้แล้วหรือยัง 

             ตำรวจนอร์เวย์ตั้งข้อสงสัยว่าผู้ก่อเหตุลงมือยิงสังหารภรรยาและลูกเลี้ยงก่อนที่จะลั่นกระสุนยิงใส่ตนเอง แต่ต้องรอสอบปากคำผู้ก่อเหตุเมื่อสุขภาพของผู้ก่อเหตุเอื้ออำนวยแล้ว

             ล่าสุดเวลา 14.30 น.วันที่ 31 สิงหาคม นางสารภี ทรงงาม อายุ 60 ปี ได้เข้าร้องเรียนต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ที่ทำการมูลนิธิ คลอง 7 รังสิต-นครนายก อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อขอความเป็นธรรมกรณี น.ส.พิมศิริ ทรงงาม อายุ 37 ปี ลูกสาว และด.ช.เพชรงาม ทรงงาม อายุ 12 ปี หลานชาย ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักเมืองเคียร์เคเนส ประเทศนอร์เวย์ โดยคาดว่านายฮันเซน ลูกเขยชาวนอร์เวย์ เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลังก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองบาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

             นางสารภี กล่าวว่า ลูกสาวเคยมีครอบครัวมาก่อน และมีลูกชายคนเดียวคือ ด.ช.ทรงเพชร ต่อมาได้คบหากับนายฮันเซน ชาวนอร์เวย์ อาชีพทำเหมืองแร่ จนตกลงแต่งงานและไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ประเทศนอร์เวย์ โดยลูกสาวไปทำงานเป็นแม่บ้านในโรงเรียน และต่อมาได้มารับ ด.ช.ทรงเพชร ไปอยู่ด้วยกัน ปกติตนจะติดต่อกับลูกสาวอยู่ตลอด ซึ่งระยะเวลา 3 ปี ที่ไปอยู่ด้วยกันมักก็มีเรื่องทะเลาะกันประจำ เพราะฝ่ายชายชอบดื่มสุราจนเมาและมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย

             กระทั่งวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อนของลูกสาวที่อยู่นอร์เวย์ ส่งไลน์มาบอกว่าลูกสาวกับหลานชายถูกนายฮันเซนยิงเสียชีวิตแล้ว และต่อมาได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่กองคุ้มครองช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศ แจ้งว่าเรื่องคดียังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากนายฮันเซน ผู้ก่อเหตุ ยังอาการสาหัส ไม่สามารถให้การได้ เบื้องต้นอยู่ระหว่างประสานงานจึงเกรงว่าเรื่องจะไม่คืบหน้า เลยตัดสินใจเข้าร้องเรียนต่อนางปวีณา ขอให้ช่วยติดตามคดี และเรื่องการดำเนินการรับศพลูกสาวและหลานชายให้ได้กลับบ้านเกิดเพื่อมาประกอบพิธีทางศาสนาด้วย

             ด้านนางปวีณา กล่าวแสดงความเสียใจต่อนางสารภี และครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกสาวและหลานชายไป ส่วนเรื่องคดีจะประสานกระทรวงต่างประเทศ และ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศเพื่อช่วยติดตามคดี ซึ่งระหว่างนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการชันสูตรศพสองแม่ลูก และในวันที่ 1 กันยายน จะพานางสารภีไปพบกับนายวราวุธ ชูวิรัช อธิบดีกรมการกงสุล เพื่อขอความช่วยเหลือ เบื้องต้นได้รับทราบแล้วว่าสถานทูตจะให้ความช่วยเหลือโดยทำวีซ่าให้นางสารภีและครอบครัวที่ประสงค์จะเดินทางไปรับศพที่ประเทศนอร์เวย์โดยเร็ว และยินดีช่วยเหลือในการส่งศพกลับประเทศไทย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ