เตือน! กินคางคกอันตรายถึงตาย

 

          จากกรณีที่มีผู้ป่วยจำนวน 5 ราย มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว จุกแน่นท้อง เสียชีวิต 2 ราย สาเหตุคาดว่าเกิดจากการรับประทานคางคกปิ้งร่วมกับไก่ปิ้ง เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลและอ.ทุ่งช้าง จ.น่าน โดยวันนี้ (29 สิงหาคม 59) ผู้ป่วยทั้ง 3 รายที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทุ่งช้าง อาการปลอดภัย ล่าสุดแพทย์ให้กลับบ้านได้ทั้งหมดแล้ว

 

 

          จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 27 สิงหาคม 2559 ผู้ป่วยจำนวน 3 ราย รับประทานคางคกปิ้งร่วมกับไก่ปิ้ง ซึ่งปิ้งรวมกันในตะแกรงอันเดียวกันในเวลา 16.00 น. จากนั้นเวลาประมาณ 18.30 น. ผู้ป่วยรายแรกเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว จุกแน่นท้อง จากนั้นหมดสติและเสียชีวิตที่บ้านในเวลาต่อมา ผู้ป่วยรายที่ 2 เริ่มมีอาการเวลา 21.40 น. มีอาการคลื่นไส้อาเจียน จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทุ่งช้าง ต่อมาเวลาประมาณ 01.00 น. เริ่มหายใจไม่ค่อยออก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย อายุประมาณ 70 ปี

 

 

          ผู้ป่วยรายที่ 3 อายุประมาณ 45 ปี อยู่หมู่บ้านเดียวกับผู้เสียชีวิตรายที่ 1 และ 2 รับประทานเนื้อคางคกร่วมกัน เวลา 17.00 น. และในเวลา 19.00 น. เริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน 3 ครั้งเป็นเศษอาหาร ญาตินำส่งโรงพยาบาลทุ่งช้าง ให้ข้อมูลว่าถูกเรียกให้ไปรับประทานเนื้อคางคกที่เหลือในจานเพียงครึ่งตัว สภาพหนังถูกลอก ไม่มีหัว ไม่มีเท้า มีไข่อยู่ในท้อง โดยรับประทานเนื้อส่วนสีข้างลำตัว และไข่คางคกเพียงปลายนิ้วก้อยร่วมกับสุรา จากนั้นจึงขอตัวกลับ ตกดึกมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ก่อนญาติพาส่งรพ.ทุ่งช้าง แพทย์ตรวจพบชีพจรเต้นเร็ว

          นอกจากนี้ มีผู้ป่วยอีก 2 ราย อายุประมาณ 4-6 ปี ซึ่งเป็นหลานของผู้เสียชีวิต โดยรับประทานเนื้อคางคกที่เหลือกับข้าวเหนียว ตกดึก มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ผู้ปกครองจึงนำส่ง รพ.ทุ่งช้าง

 

 

          ทั้งนี้ โรงพยาบาลน่าน จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ห้ามนำคางคกมารับประทานโดยเด็ดขาด เพราะคางคกมีพิษอันตรายที่ต่อมน้ำเมือกใกล้หู ซึ่งขับเมือกที่มีสารชีวพิษประเภท digitaloids อาการเป็นพิษ มักเกิดขึ้นช้า ๆ ภายหลังรับประทานคางคกแล้วหลายชั่วโมง เริ่มต้นผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และท้องร่วง อาจมีอาการสับสน วิงเวียน ระดับความรู้ สติจะเปลี่ยนแปลง เริ่มตั้งแต่สับสน เพ้อ ง่วงซึม มีอาการทางจิตประสาทจนถึงชักและหมดสติ อาการสำคัญคือ หัวใจจะเต้นช้าลง ผิดจังหวะ และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว

 

 

          อย่างไรก็ตาม คางคกไม่ใช่สัตว์ที่คนทั่วไปนำมารับประทานเป็นอาหาร แม้จะมีคนที่เคยรับประทาน โดยมีกรรมวิธีต่าง ๆ ที่ใช้กำจัดพิษจากตัวคางคก แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับสารพิษอันตรายอยู่มาก วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือการไม่นำคางคกมารับประทาน