ผู้ช่วยผู้จัดการบิ๊กซี ถูกฆ่าโหดมีดกรีดท้อง ทิ้งป่ากก

          เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 กรกฎาคม ร.ต.อ.อุทัย พันธ์เหนือ รอง สว.(สอบสวน) สน.มีนบุรี ได้รับแจ้งเหตุพบศพเสียชีวิตหลายวันอยู่ในพงหญ้า ภายในซอยราษฎร์อุทิศ 54 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น.3,พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี,พ.ต.ท.บุญเยี่ยม จันทรเกตุ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.มีนบุรี,พ.ต.ท.สุรพล ก้อมน้อย รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยร่มไทร

          ที่เกิดเหตุ อยู่ภายในซอยราษฎร์อุทิศ 54 ห่างจากปากซอยประมาณ 2 กม. ที่เกิดเหตุ เป็นและคูน้ำระดับน้ำประมาณ 30 ซ.ม. บริเวณโดยรอบเป็นป่ากกมีต้นกกขึ้นรกทึบ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดหญ้าตัดต้นกกบริเวณโดยรอบศพ จึงจะสามารถเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ได้ พบศพชายไม่ทราบชื่อ สภาพขึ้นอืด เริ่มเน่าเปื่อย สวมเสื้อโปโลสีเขียว เป็นเสื้อพนักงานห้างสรรพสิ้นค้าบิ๊กซี สวมกางเกงสแลคขายาวสีดำไม่ใส่รองเท้า แขนทั้ง 2 ข้าง ยังสวมอยู่ในเสื้อแจ๊กเก็ตแขนยาวสีดำที่ถูกถลกขึ้นไปเหนือศีรษะ
          จากการตรวจสอบพบบาดแผลถูกของมีคมกรีดบริเวณหน้าท้องลักษณะเป็นรูปดาว 5 แฉก  อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย  ที่หน้าขาทั้ง 2 ข้างถูกของมีคมกรีดยาวประมาณ 6 นิ้ว ข้อเท้าซ้ายหักผิดรูป หัวไหลขวามีรอยสักเป็นลวดลายกนก และข้างหลังด้านขวาพบรอยสักเป็นรูปยันต์ 5 แถว ตรวจสอบในกระเป๋ากางเกงด้านขวาพบโทรศัพท์ยี่ห้อทรู สีดำ 1เครื่อง กระเป๋าสตางค์สีดำด้านในพบบัตรประชาชนระบุชื่อคือนายเกรียงศักดิ์ สิทธิลักษณ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 325 ม.6 ต.ทับคล้อ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และบัตรประจำตัวผู้ช่วยผู้จัดการบิ๊กซี สาขาปั๊มบางจากสุวินทวงศ์

          ด้านพล.ต.ต.ชัยพร กล่าวว่า จากการสอบสวนนายสมฤทธิ์ ท้วมมี อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นผู้พบศพคนแรก ให้การว่าปกติจะมาเก็บบัวในสระซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่พบศพ โดยจะมาเก็บบัววันเว้นวัน ล่าสุด ได้เข้าเก็บไปเมื่อวันอังคารที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แต่ไม่พบว่าความผิดปกติอะไร จนกระทั่งวันนี้ช่วงเวลาประมาณ 17.00น.ได้มาเก็บบัวตามปกติ แต่กลับได้กลิ่นคล้ายกับซากศพเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ  จึงเดินหาที่มาของกลิ่นจนพบว่ากลิ่นมาจากป่ากกตรงข้ามสระบัว  จึงแหวกป่ากกเข้าไปจึงพบศีรษะคน จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ  โดยเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงได้สอบถามเพื่อนของผู้ตายผ่านทางโทรศัพท์ พบว่าผู้ตายหายไปตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยญาติได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ลำผักชี
          พล.ต.ต.ชัยพร กล่าวอีกว่าดูจากลักษณะที่เกิดเหตุผู้ตายถูกฆ่ามาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งไว้เพื่ออำพรางคดี ทั้งนี้ผู้ตายมีภรรยา 2 คน ลูกอีก 3 คนและก่อนหน้านี้เคยมีปากเสียงกับเพื่อนในวงสุรา จึงคาดไว้ 2 ประเด็นคือเรื่องหึงหวงชู้สาว และเรื่องส่วนตัว
          ด้านนางนวลจันทร์ สิทธิลักษณ์ อายุ 56 ปีแม่ของผู้ตายกล่าวว่าลูกชายหายไปตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. โดยก่อนหน้านั้นช่วงเย็นลูกชายได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านบอกเพียงว่าจะไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อนที่ซอยลำไทร ถ.สุวินทวงศ์ แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. และจะเลยไปทำงานที่บิ๊กซีต่อเวลา 23.00 น. ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. ภรรยาโทรศัพท์ไปถามผู้ตายว่าอยู่ไหน แต่ผู้ตายไม่ได้บอกแต่บอกว่าจะกลับแล้ว เดี๋ยวกลับไปจะเล่าให้ฟัง หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ต่อมาวันที่ 28 ก.ค. เพื่อนผู้ตายที่อยู่กับผู้ตายในวงเหล้าได้โทรกลับมาที่บ้านบอกว่าให้มาเอารถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้ จนกระทั่งวันนี้ถึงทราบว่าเสียชีวิตแล้ว
          เบื้องต้น เจ้าหน้าทีได้ติดต่อไปที่เพื่อนและญาติของผู้ตายให้มาสอบปากคำที่ สน.มีนบุรีเพื่อหาเบาะแสและหลักฐานเพื่อหาผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย