ข่าว

 ผู้ว่าฯกรุงเก่านำกำลังกว่า500คนลุยค้นยาบ้า6อำเภอ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พ่อเมืองกรุงเก่าประกาศกร้าว”จับคนขาย”หลังนำกำลังตร.-ทหารปกครองกว่า 500 นายตรวจค้น 6 อำเภอ พบยาบ้าคาหนังคาเขา

 

          วันที่ 27 กรกฎาคม 2559 เมื่อเวลา 05.30 น. ที่บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นายเรวัต ประสงค์ รอง ผวจ. พ.ท.อำนาจ วชิรศักดิ์โสภานะ ผู้บังคับหมวดรักษาความสงบที่ 32 กองร้อยรักษาความสงบที่ 3 (ผบ.มง.รส.32 ร้อย รส.3) นายสุนทร วินัยบดี ผ.อ.ปปส.ภาค 1 พ.ต.อ.ภูวดิษ ชนะคชภัทร รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทหาร ประมาณ 550 นาย กระจายกำลังเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าพัวพันกับยาเสพติด ในพื้นที่ 6 อำเภอ ประกอบด้วย พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน อุทัย วังน้อย ลาดบัวหลวง บางปะหัน โดย รวมเป้าหมายเข้าตรวจค้น 33 จุด โดยมุ่งไปยังชุมชนที่รับรายงานความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการจำหน่ายยาบ้าเป็นหลัก ตามโครงการประชารัฐร่วมใจ อโยธยาร่มเย็น

          ด้าน นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นบริเวณชุมชน ม.5 ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีผู้เสพและผู้ค้าอยู่ในบริเวณดังกล่าว จากการตรวจค้นพบ นายสุรชัย มีสมบัติ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/3 ม.5 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา อาชีพรับจ้างหาบอิฐ ในตัวพบยาบ้า 6 เม็ดซุกซ่อนในซองพลาสติก โดยยอมรับสารภาพว่า ซื้อยาบ้ามาจากคนในชุมชนในราคาเม็ดละ 130 บาท ซึ่งจะได้นำไปขยายผลจับกุมคนขายต่อไป 

          จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้เดินทางต่อไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 19 ม.2 ต.คานหาม อ.อุทัย พบยาบ้า 450 เม็ดซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า จึงจับกุมนายพรพิสิษฐ์ โพธิรัตน์ อายุ 20 ปี ซึ่งอยู่ภายในห้อง พร้อมอุปกรณ์การเสพและซองบรรจุยาบ้า และโทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง โดยยอมรับสารภาพ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังนำตัวผู้ต้องสงสัยเสพยาเสพติดไปตรวจหาสารอีก 13 คน

          นายประยูร กล่าวว่า การดำเนินโครงการนี้เนื่องจากระยะนี้มีกระแสข่าวการแพร่ระบาด และการต่อสู้เจ้าหน้าที่ของขบวนการและเครือข่ายยาบ้ายาเสพติดในพื้นที่จำนวนมาก ทำให้ประชาชนเกิดความไม่ปลอดภัย และไม่สบายใจ จึงได้วางแนวทางในการเข้มงวดกวดขันยาเสพติดมากขึ้น ในส่วนของพื้นที่ที่พบว่ามีการระบาด และมีการต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐในการปราบปราม ทาง ปปส.ภาค 1 จะร่วมกับจังหวัด และตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโมเดลของชุมชนเข้มแข็ง และหมู่บ้านสีขาวปลอดยาเสพติดมาใช้ อาทิ โครงการลุมพลีโมเดล โดยจะเริ่มที่ชุมชนวัดตะไกร ที่ต่อต้านเจ้าหน้าที่เมื่อหลายวันก่อน และจะสร้างเครือข่ายต่อต้านยาเสพติดมากขึ้น ในส่วนของการกวาดล้างจับกุมครั้งนี้ได้ให้นโยบายในการจับกุมว่า ต้องขยายผลไปยังคนขายให้ได้มากที่สุด และพยายามสอบสวนเชิงลึกเพื่อให้ได้พ่อค้ามากกว่าเอเย่นต์รายย่อย หรือคนเสพ เพื่อเป็นการตัดต้นตอต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ