ข่าว

วีเจสาวยันหนุ่มโอนเงินแม่ให้แค่3.8แสน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วีเจสาวแจงอีกบอกได้รับโอนเงินเพียง3.8แสนบาทเท่านั้น ด้านแม่ฝ่ายชายลั่นหากวีเจแจ้งความทำให้เสียหายพร้อมแจ้งกลับร่วมลักทรัพย์

            ความคืบหน้ากรณีนางศิริกานต์ ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ แม่ค้าขายของชำที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีนายระพีพัชร ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ ลูกชาย ในข้อหาลักทรัพย์ เนื่องจากขโมยเงินในบัญชีธนาคารไปให้วีเจสาวจำนวน 1.2 ล้านบาท ซึ่งต่อมานายระพีพัชรเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เสนา ยอมรับว่าขโมยเงินจากบัญชีแม่ เพื่อไปให้สาววีเจที่เข้าไปเล่นในอินเทอร์เน็ตจริงด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ จากนั้นได้กราบขอโทษแม่ ซึ่งนางศิริกานต์ได้ให้ลงบันทึกประจำวันภาคทัณท์เอาไว้ 7 วัน ด้วยการสั่งให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับวีเจสาวคนดังกล่าว และหากไม่เชื่อฟังจะดำเนินคดีทันที

            ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 กรกฎาคม วีเจสาวคนสนิทได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อ ที่บ้านพักย่านพัทยา จ.ชลบุรี ว่า เงินจำนวน 1.2 ล้านบาทนั้น ไม่ได้เอาไปทั้งหมดตามที่เป็นข่าว ขณะนี้ขอเรียกร้องต่อสังคมว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ขณะนี้ต้องไปทำงานด้วยความยากลำบากหลังตกเป็นข่าว ประกอบกับเรื่องทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ฝ่ายชายออกมาให้ข่าวทั้งหมด ที่ผ่านมาต้องอดทนเป็นอย่างมาก เพราะฝ่ายชายรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร

            “เสียหายจากข่าวนี้มาก เพราะเพิ่งรู้จักกับนายระพีพัชรในปีนี้ และสถานะนั้นอยู่ระหว่างการดูใจ ไม่ใช่แฟนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามทราบว่า นายระพีพัชรเล่นแอพพลิเคชั่นไอโชว์นานแล้ว ก่อนที่จะทำงานที่นี่ และก่อนหน้านี้ก็พูดคุย ส่งของขวัญให้วีเจสาวคนอื่นๆ ด้วย หมดค่าใช้จ่ายร่วมแสน ส่วนเงิน 1.2 ล้านบาท ที่นายระพีพัชรกดจากเอทีเอ็มนั้น ไม่รู้ว่าเขาจ่ายไปที่ใดบ้าง เพราะเป็นแค่หนึ่งในวีเจที่นายระพีพัชรติดต่อ แต่ในส่วนที่จ่ายให้นั้นส่วนตัวคงไม่คืนเงิน และคงต้องไปถามทางบริษัท เนื่องจากมีผู้เล่นคนอื่นที่ส่งไอคอนของขวัญให้หลายคนเช่นกัน”

            ส่วนของรถยนต์ป้ายแดงที่เพิ่งซื้อมานั้น เป็นเงินของตนกับพี่สาว ไม่เกี่ยวข้องกับนายระพีพัชร และที่ผ่านมานายระพีพัชรบอกว่าเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ไม่คิดว่าเป็นเงินของแม่ นอกจากนี้เรื่องที่ถูกทิ้งที่ตลาดรังสิต จ.ปทุมธานี ขอชี้แจงว่า แม่ของนายระพีพัชรรู้ว่าจะไปกับลูกชายที่ไหน เพราะเคยเจอหน้าแม่หลายครั้งแล้ว แต่พอแม่ทราบว่าเงินในบัญชีหายก็เข้าไปแจ้งความ ตอนนั้นก็คุยกันว่า จะเข้าไปพบแม่หรือไม่ แต่นายระพีพัชรบอกว่าให้ส่งไว้ที่ตลาดรังสิต ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าโทรศัพท์ไปขู่ฟ้องร้องแม่ของฝ่ายชาย เพราะทำให้เสียหาย ยืนยันว่าไม่ใช่ความจริง ทั้งนี้ที่ผ่านมาอยู่เฉยๆ มาตลอด ปล่อยให้ครอบครัวฝ่ายชายจัดการกันเอง

วีเจสาวยันหนุ่มโอนเงินแม่ให้แค่3.8แสน

            ต่อมาวีเจสาวออกมาชี้แจงผ่านรายการ "ต่างคนต่างคิด" ช่องอัมรินทร์ทีวีอีกว่า  ว่า ได้รับเงินโอนเป็นค่าเล่นเกมส์และค่าเติมเงินจากนายระพีพัฒน์ ตั้งแต่เดือน มี.ค.จนถึงเกิดเรื่อง ล่าสุดรวมแล้วประมาณ 3.8 แสนบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 1.2 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว 
            ส่วนจะโอนไปให้คนอื่นอีกหรือไม่ ไม่ทราบ และขอยืนยัน ไม่เคยบังคับขู่เข็ญใดๆ เป็นการโอนมาให้บัญชีของตนเอง เพื่อเล่นเกมส์และเติมเงินและให้เองโดยที่ไม่ได้ร้องขอ  
            “วันนี้ ที่ออกมาชี้แจง อยากบอกว่า มันไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวออก หนูไม่ได้เอาเงิน 1.2 ล้านบาทของเขาไป มันเป็นเงินที่เขาโอนมาให้เติมเงินและซื้อของขวัญและมีให้ใช้ส่วนตัวบ้าง"
            "ขอย้อนไปว่า ก่อนหน้านี้ รู้จักกับพี่แนต (ฝ่ายชาย) ทางโปรแกรม จากนั้นก็ติดต่อกันทางเฟซบุ๊ค และทางไลน์ คุยกันตั้งแต่เดือน มี.ค.จนมานัดเจอตัวกันครั้งแรกวันที่ 18 เม.ย. ตอนนั้นขับรถกลับจากบ้านทางเหนือ เลยซื้อของฝากให้พี่เขา แล้วแวะให้ที่ปั๊มน้ำมันถนนสายเอเซีย ตอนนั้นหนูก็มากับพี่สาว ส่วนพี่เขาก็มาพร้อมแม่และน้องสาว” 
            วีเจสาวบอกอีกว่า ต่อมาช่วงหลัง มีการคุยกันส่วนตัว และได้เจอกัน แต่ก็ไม่บ่อยนัก ประมาณ 3-4 ครั้ง จะเรียกได้ว่า เป็นช่วงที่กำลังศึกษาดูใจก็ว่าได้ หรือจะเรียกว่าคบเป็นแฟนก็ใช่  ซึ่งการที่จะนัดเจอกัน หรือจะมาคบข้างนอก ก็ไม่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น  ไม่เกี่ยวกับบริษัท  เป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย เหตุผลที่ยอมเจอฝ่ายชาย เพราะเป็นช่วงที่คบกัน  
            "ถ้าคิดตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่พี่เขาเล่นเกมส์ ก็โอนมาเรื่อยๆ 5 หมื่นบาทบ้าง เติมเงิน 3 หมื่นบาทบ้าง แต่หนูจะบอกว่า คนที่ส่งของขวัญให้หนู ไม่ได้มีเขาคนเดียว มันไม่ได้เกี่ยวว่า เหตุยอมไปเจอเพราะเขารวย คนที่ส่งให้เยอะกว่าเขาก็มี โดยเฉพาะพวกเสี่ยๆ หลายคน ให้มากกว่าเขาอีก" วีเจสาวกล่าวและว่า 
            ระหว่างที่คบหาและเจอกัน ตนเองไม่รู้เลยว่าเขาเอาเงินมาจากไหน  แต่ที่คุยกันมา เขาบอกว่า เขาเป็นเสาหลักของบ้าน เป็นคนหาเงินเอง ช่วงที่เจอกัน นอกจากครั้งแรกตอนนั้น ก็เจออีกที ครั้งที่ 2 วันที่ 25 เม.ย. ตนเองอยากไปไหวพระที่อยุธยาฯ เลยโทรหาและไปพักโรงแรมคนเดียว ไม่ได้นอนที่บ้านเขา 
            ต่อมาครั้งที่ 3  วันที่ 9 พ.ค. เพราะเอาแหวนทองไปให้เขาที่บ้าน และนั่งคุยอยู่สักพักจึงกลับจากที่นั่น ประมาณ 21.00 น. แต่จู่ๆช่วงขับออกมาสักพัก รถก็ดับวูบไป เลยโทรตามให้เขามาช่วยลากรถ และหลังจากรถเสียคืนนั้น ก็ไม่ได้ติดต่อกันเอีกเลย  เพราะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ห่างกัน จนถึงวันที่ 27 มิ.ย.เขาโทรมาถามทางแต่ตนเองไม่ได้คุยอะเไร
            “ยอมรับว่า บางครั้งที่เจอกัน เขาก็ให้เงินบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขอ เขาให้เอง ให้ครั้งละเป็นหมื่น บางทีก็โอนเงินมามากที่สุดประมาณ 1 แสนบาท และเคยโอนเข้ามา 4-5 หมื่นบ้าง ก็ยอมรับว่า ตอนนั้นเป็นช่วงศึกษากัน คงไม่ผิดที่คนเป็นแฟน จะให้เงินเป็นเรื่องปกติ  หากถามว่าเป็นแฟนไหม คือเป็นแฟนค่ะ จนเป็นข่าว รู้ว่าเอาเงินจากแม่มา ก็ตกใจ  ส่วนเรื่องซื้อรถให้  ไม่จริง ตอนแรกจะช่วยออกเงินดาวน์ 1 แสน แต่พอมีเรื่อง ได้โอนคืนแม่เขาไปแล้ว ก่อนหน้าจะมีข่าวเราก็อยู่ด้วยกันและติดต่อกับแม่ตลอด  เคยเจอแม่เขามาก่อนหน้านี้แล้ว และแม่ก็รู้ว่าลูกชายเขาคบหากับโฟว์ในฐานะเป็นแฟนกัน” 
            วีเจสาวบอกอีกว่า เรื่องที่แม่ไปแจ้งความและตำรวจจะเอาผิดตนเองข้อหารับของโจร ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก ว่าจะทำอย่างไร  ขอปรึกษาพี่สาวและผู้ใหญ่ก่อน  ข่าวที่ออกมาเป็น 1.2 ล้านนั้น ไม่ใช่ความจริง เขาให้มาแค่ 3.8 แสนบาท และไม่เคยหลอกให้รักแล้วตีจากอย่างที่เขาให้ข่าว และไม่ได้ทิ้งไว้ข้างทาง หรือเอาเขาไปปล่อยที่ไหน  หากถามว่า ถ้าเขาไม่มีเงินจะยอมคบเป็นแฟนไหม ขอตอบเลยว่า ไม่ได้คบคนที่เงิน  
            สำหรับเรื่องคดี ยังตอบไม่ได้ เหตุการณ์ยังไม่เกิด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้บอกเลิกกัน เพียงแค่ไม่รับโทรศัพท์เท่านั้น  เพราะไม่อยากให้เขาเดือดร้อน เงินที่เขาโอนเข้ามา ก็เอาไปเติมเงินให้  มีบางส่วน เอาไปใช้ด้วย เพราะเขาให้เอง 
            ส่วนจะกลับไปทำงานตรงนั้นอีกไหม คงยากแล้วเพราะตอนนี้สังคมก็ประนามตนเองและมีคอมเมนท์ค่อนข้างแรง  คงไม่กล้ากลับไปจัดรายการอีก

วีเจสาวยันหนุ่มโอนเงินแม่ให้แค่3.8แสน


แม่หนุ่มคลั่งวีเจสาวพร้อมสู้ยันแค่ทวงถามหาเงินหายไป

           ขณะที่ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของนางศิริกานต์ ที่ อ.เสนา ปรากฏว่า มีสื่อมวลชนหลายแขนงไปรอสัมภาษณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวีเจสาวกับครอบครัวของนางศิริกานต์ และเรื่องของการโอนเงิน โดยนางศิริกานต์ เปิดเผยว่า ตนขอย้ำว่า ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะเอาผิดกับวีเจสาวเลย ตั้งแต่แรก และได้แจ้งความเอาผิดเฉพาะลูกชายของตน เนื่องจากพบว่าเงินในบัญชี หายไปประมาณ 1.2 ล้านบาท และมาพบหลักฐานการโอนเงินผ่านธนาคารให้กับวีเจสาว จึงไม่เข้าใจว่า ลูกชายเอาเงินไปไหน นอกจากให้วีเจสาว ซึ่งลูกชายก็ยอมรับว่า ให้จริง 

วีเจสาวยันหนุ่มโอนเงินแม่ให้แค่3.8แสน

           นางศิริกานต์ กล่าวต่อว่า ตนก็ขอเพียงให้ลูกกลับตัว โดยเลิกติดต่อกับวีเจสาวคนนี้ และไม่ได้ติดใจที่จะเรียกร้องทวงเงิน ยกเว้นเมื่อช่วงที่เกิดเรื่อง วีเจสาวได้โอนเงินคืนมา 1 แสนบาท โดยเป็นเงินที่ลูกชายโอนไปให้ครั้งสุดท้าย ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจทวงถามเรื่องเงินที่หายไปอีก แต่ก็อยากให้วีเจสาว มาพูดคุยว่า ได้เงินจากลูกไปเท่าไหร่ เงินหายไปไหน

           นางศิริกานต์ ยังกล่าวต่อด้วยว่า มีกระแสข่าวว่า วีเจสาวคนดังกล่าว จะฟ้องร้องตนกับลูกชาย ข้อหาที่ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งตนก็พร้อมสู้ และหากมีการแจ้งความฟ้องร้องตนจริง ตนก็จะเข้าไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับลูกชายของตน ในข้อหาลักทรัพย์มารดาอย่างแน่นอน

         ส่วนดีเจสาว ตนก็จะแจ้งในเรื่องสมรู้ร่วมคิด และรับเงินที่ลูกขโมยไป ซึ่งตอนนี้เป็นเพียงความคิดเท่านั้น ตนมีหลักฐานการโอนเงินให้กับวีเจสาวพอสมควร ไม่ว่าจะถึง 1.2 ล้านหรือไม่ ก็สามารถเอาผิดได้อยู่แล้ว แต่ตนก็ไม่อยากมีเรื่อง

           ด้าน นายระพีพัชร กล่าวว่า หลังจากที่แม่ไม่เอาเรื่องตน ก็รู้สึกสำนึกผิดแล้ว และมาทบทวนว่า สิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง และเป็นความหลงใหลในขณะนั้น ส่วนเรื่องการโอนเงินไปให้วีเจสาวออนไลน์นั้น ตนยอมรับว่า ไม่ได้ให้วีเจสาวคนนี้คนเดียว แต่ได้ให้ก่อนหน้านี้ อีกหลายคน จากการเชียร์ของคนในกลุ่มและเพื่อนๆ ในกลุ่ม ซึ่งเงินที่จ่ายนั้น ให้ด้วยการแลกซื้อเหรียญผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่อซื้อของขวัญในแอพฯนั้น เช่น ซื้อนมกล่อง 500 คอน หรือ เหรียญกดไลค์ 500 เหรียญ พิเศษรูปหัวใจ 399,900 เหรียญ ที่แพงสุดคือ ดอกไม้ 899,900 เหรียญ ซึ่งแต่ละเหรียญ เมื่อถูกแลกเป็นเงิน ก็จะมีค่าเป็นเงินบาท

           นายระพีพัชร กล่าวอีกว่า สมาชิกเท่านั้นที่จะคำนวณได้ว่า จะส่งของขวัญอะไรให้ ต้องโอนเงินไปเท่าไหร่ เพื่อให้วีเจสาวได้ของขวัญ ซึ่งเป็นเพียงรูปไอเทม หรือสัญลักษณ์ แล้วคนที่ได้มาก ก็จะได้อันดับสูงขึ้นไป จำนวนเงินที่เข้าไป ก็จะเป็นส่วนแบ่งให้กับวีเจสาวเหล่านั้นด้วย เมื่อตนกดส่งของขวัญให้ไปมาก จนมาถึงการโอนเงินให้ส่วนตัวกับวีเจสาว เงินจึงดูมากมาย โดยเริ่มมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้จ่ายทั้ง 1.2 ล้าน แต่จะนำเงินไปใช้ส่วนตัวด้วย

           ส่วนเรื่องซื้อรถยนต์นั้น นายระพีพัชร กล่าวว่า ตนไม่ได้ซื้อให้ เพียงแต่วีเจสาวจะซื้อรถใหม่ เงินไม่พอ ตนจึงเสนอให้เงินไปอีก 1 แสนบาท เมื่อเป็นข่าวเกิดขึ้น วีเจสาวก็โอนเงินคืนมา

         ส่วนก่อนหน้านี้ ได้ส่งของขวัญหรือโอนให้ไปน่าจะเพียง 4-5 แสนบาท แต่ตอนนี้ แม่ไม่ยอมรับ ตนก็ต้องยอมยุติความสัมพันธ์ ส่วนวีเจสาวจะไม่มีเยื่อใยกับตนแล้วก็ไม่ว่าอะไร และไม่ติดใจอะไรกัน ซึ่งขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน ให้รู้ว่าในโลกของโซเชียลไม่มีความจริงใจกัน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ