ข่าว

สารวัตรสืบภาค2 เปิดใจแล้ว เจ้าของโอเกะเอาเรื่องถึงที่สุด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สารวัตรสืบภาค 2 เปิดใจ ไม่มีเจตนาหมิ่นผู้บังคับบัญชา พร้อมกราบขอโทษผบ.ตร. ด้านเจ้าของร้านโอเกะยันดำเนินคดีถึงที่สุด    

            ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล อายุ 36 ปี และ น.ส.ปะระนิดา ไชยนาพาณิชย์กุล อายุ 22 ปี แอร์โฮสเตสสายการบินแห่งหนึ่ง สองพี่น้องเจ้าร้านของ“นางฟ้าคาราโอเกะ” ถนนพัทยาสาย 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพ.ต.ต.พิทักษ์ เนินแสง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1.บก.สส.ภาค 2 และ ร.ต.ท.จตุภุมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล สังกัดกก 1. บก.สส.ภาค 2 พร้อมพวกอีก 5 คน หลังเข้าตรวจค้นและพยายามแจ้งข้อหาค้าประเวณีและไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการ 

          โดยน.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล ได้แจ้งความกลับในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งรายงานไปยังพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จนมีการสั่งสอบข้อเท็จจริงแล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 ได้มีคำสั่งที่ 170/2559 สั่งย้าย พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภ.2 กับลูกน้องในชุดจับกุม ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ภ.2 โดยขาดจากต้นสังกัดเดิม

         เมื่อวันที่ 20 ก.ค. พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภ.2 กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดอะไรมากเพราะกลัวกระทบกับองค์กรตำรวจโดยรวม เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่โต น้องๆ ที่บ้านของตนก็โทรมาสอบถามกัน พร้อมกับมารดาของตนเห็นภาพลูกชายอยู่หน้าหนังสือพิมพ์ถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลยเพราะความตกใจ ตนรู้สึกเสียใจและไม่สบายใจที่ทำให้มารดาเป็นทุกข์ 

         ส่วนเรื่องที่คู่กรณีอ้างว่า ผบ.ตร.โทรศัพท์สายตรงมาช่วงที่เกิดเหตุนั้น ตนยังไม่เคยมีโอกาสได้เจอและคุยกับท่านผบ.ตร.ตัวเป็นๆ จึงไม่แน่ใจว่าเป็น ผบ.ตร.ตัวจริงหรือไม่ อาจเป็นใครแอบอ้างก็เป็นได้ ขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาดูหมิ่นผู้บังคับบัญชาของตัวเองแน่นอน และต้องกราบขอโทษท่าน ผบ.ตร.มา ณ ที่นี้ด้วย ส่วนตนเมื่ิอได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.บช.ภ.2 ก็ต้องเดินทางไปรายงานตัวและปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง และจากนี้จะขอพิสูจน์ตัวเองในกรณีดังกล่าวด้วย

        ทางด้าน น.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล เจ้าของร้านคาราโอเกะนางฟ้า กล่าวว่า มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งโทรศัพท์มาหาตนเพื่อขอเจรจา พร้อมกับเสนอเงินให้จำนวนหนึ่ง เพื่อให้ยุติเรื่องราวครั้งนี้ ตนจึงนำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่ฝ่ายตน ซึ่งได้ข้อสรุปว่าไม่ขอยุติเรื่อง และจะดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด

        สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.30 น.ของวันที่ 14 ก.ค. ขณะที่ น.ส.ปราณี พลอยรัมน์ พนักงานเปิดแผ่น(ดีเจ) ร้านนางฟ้าคาราโอเกะ กำลังนั่งเล่นภายในร้าน ได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน พร้อมสั่งเครื่องชูกำลัง 1 ชวด และเดินเข้าไปถาม น.ส.ชนิดา โชคเจริญ พนักงานเสิร์ฟ ว่า มานั่งรอเพื่อนหรือ พร้อมชวนคุยว่าหากรับว่าค้าประเวณีจะให้เงิน 2,000 บาท แต่น.ส.ชนิดา ปฏิเสธ พร้อมทั้งบอกว่าร้านนี้ไม่มีค้าประเวณี ชายคนดังกล่าวจึงเดินเข้าไปหา น.ส.ปราณี พลอยรัมน์ พร้อมยื่นเงินใส่มือให้ 2,000 บาท โดยไม่บอกว่าเป็นค่าอะไร น.ส.ปราณี เกิดเอะใจต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น

       จึงเดินไปหา น.ส.ชนิดา พร้อมได้พูดคุยว่าน่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นแน่ และทันใดนั้นเอง ได้มีชายฉกรรจ์อีก 4 คน บุกจู่โจมเข้ามา ทราบชื่อ พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภาค 2 และ ร.ต.ท.จุตภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล พร้อมพรรคพวกอีก 4 คน เดินเข้ามาประชิดตัว ซึ่ง ร.ต.ท.จตุภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล ได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเงินที่ น.ส.ปราณี กำไว้ในมือ พร้อมขู่บังคับให้อยู่ในอาการสงบ และบังคับให้โทรศัพท์หา น.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล ให้เดินทางมาที่ร้าน ซึ่ง พ.ต.ท.นราวุธ แจ้งข้อหาว่าคุณถูกจับในข้อหาค้ามนุษย์และค้าประเวณี ซึ่ง น.ส.ปะระนิสา ได้สอบถามถึงหลักฐานว่าเงินล่อซื้ออยู่ที่ไหนกับใคร กลุ่มตำรวจก็ได้ชี้ไปที่ตัว น.ส.ปราณี ทันที

        ต่อมา น.ส.ปะระนิสา จึงโทรศัพท์ไปหาญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ญาติผู้ใหญ่คนดังกล่าวแนะนำให้โทรหา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อแจ้งให้ ผบ.ตร.ทราบว่า ขณะนี้มีตำรวจใต้บังคับชาซึ่งไม่ทราบว่าอยู่หน่วยไหนกลั่นแกล้งจับกุม ทางผบ.ตร.จึงขอสายกับตำรวจชุดจับกุม แต่ พ.ต.ท.นราวุธ ไม่ยอมคุย แต่พูดว่า ถ้าเป็นผบ.ตร.จริง ให้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และยังหาว่า น.ส.ปะระนิสา เป็นบ้าพูดโทรศัพท์อยู่คนเดียว พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงบอกให้เปิดโฟนเพื่อให้ได้ยินเสียง แต่สุดท้ายแล้วสารวัตรสังกัด บก.สส.ภ.2 คน ก็ยังไม่เชื่อว่าเป็น ผบ.ตร. ทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงจากปลายสายแล้ว

        พร้อมสั่งให้ลูกน้องใส่กุญแจมือผู้ต้องหาเพื่อเดินทางไปที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แต่ น.ส.ปะระนิสา ไม่ยอม ทาง พ.ต.ท.นราวุธ จึงเงื้อมือทำท่าจะตบ น.ส.ปะระนิสา บอกว่าที่ร้านมีกล้องวงจรปิด พ.ต.ท.นราวุธ เลยไม่ทำอะไร ก่อนคุมตัวทั้งหมดขึ้นรถปิกอัพ 4 ประตู ยี่ห้อเชฟโรเล็ต ไม่ทราบเลขทะเบียน ระหว่างที่กำลังจะขึ้นรถ มีตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า เรื่องนี้เคลียร์กันได้แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย 2-3 หมื่นบาทก็จบ ระหว่างนั้นมีสายโทรเข้ามาที่มือถือของ น.ส.ปะระนิสา พร้อมแนะนำตัวว่าคือ พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาดูแลเรื่องนี้ และขอให้เปิดโฟนพูดคุยกับหัวหน้าชุดจับกุม แต่สารวัตรรายนี้กลับบอกว่าไม่ใช่เสียงนายกู

         ทาง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี จึงวางสายไป ส่วนตำรวจที่ชื่อดาบหมูได้ตะโกนขึ้นมาว่า เดี๋ยวบอกว่าเป็นผู้การ เดี๋ยวบอกว่าเป็น ผบ.ตร.โทรมา ถ้าเป็น ผบ.ตร.จะเอาชื่อลงบันทึกประจำวัน ว่า ผบ.ตร.ช่วยเหลือผู้กระทำผิด และจะเอา ผบ.ตร.ออกจากราชการด้วยระหว่างนั้นมีสายโทรเข้าที่เครื่องมือถือของ พ.ต.ท.นราวุธ เจ้าตัวจึงรับสาย เลยทราบความจริงว่า คนที่โทรเข้าเครื่องของ น.ส.ปะระนิสา เป็นผู้การชลบุรีตัวจริง จากนั้นจึงรีบสั่งให้ลูกน้องปล่อยตัวผู้ต้องหา พร้อมกับขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ