รถตู้เบรกแตกพุ่งชนรถเมล์เจ็บ11

 

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 มกราคม 2559 พ.ต.ท.วิญญ ศิริ สว.จร.สน.พญาไท กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถตู้โดยสารร่วม บขส. พุงชนรถโดยสารปรับอากาศ ช่วงลงด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนพหลโยธินขาออก แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.พญาไท และเจ้าหน้าที่กู้ภัย

 

      ที่เกิดเหตุพบรถตู้โดยสาร ร่วม บขส. ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 14-4878 กรุงเทพ วิ่งระหว่าง กรุงเทพฯ-เพชรบุรี ขวางกลางถนน ที่บริเวณด้านหน้ารถตู้สภาพกันชนหน้าหลุด ด้านหน้ารถยับเยิน กระจกแตกร้าว ประตูหน้าซ้ายหลุด ชนอยู่รถโดยสารปรับอากาศ สาย ปอ.29 สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 15-1926 กรุงเทพมหานคร วิ่งระหว่างหัวลำโพง-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต โดยถูกรถตู้ชนช่วงกลางรถ เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารที่มากับรถตู้คันดังกล่าวบาดเจ็บ จำนวน 11 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยและพลเมืองดีนำผู้บาดเจ็บกระจายส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และ โรงพยาบาลราชวิถี ไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

      จากการสอบสวนนายอภิชาติ ศรีสวัสดิ์ อายุ 34 ปี ผู้ขับขี่รถตู้โดยสารคันเกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับผู้โดยสารมาจากจังหวัดเพชรบุรี เดินทางเข้ากรุงเทพฯ จากนั้นได้ขึ้นทางด่วนเพื่อที่จะมาลงที่ท่ารถอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยจังหวะที่ลงจากทางด่วน ก่อนถึงถนนพหลโยธิน ประมาณ 100 เมตร ได้เหยียบเบรคเพื่อชะลอรถ ปรากฏว่าระบบเบรคไม่ทำงาน จึงตัดสินใจดึงเบรคมือ แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะหยุดรถได้ กระทั่งทำให้รถวิ่ง ไถลไปที่ถนนใหญ่ก่อนจะพุ่งชนเข้ากับรถโดยสารปรับอากาศ

 

      เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบถามผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งพยานในที่เกิดเหตุ ก่อนจะแจ้งข้อหากับนายอภิชาติ คนขับรถตู้โดยสาร ในข้อหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บต่อไป

 

 

 

 

 

      เมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่ม วันที่ 8 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา ตำรวจสภ.รัตภูมิ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยท่งเซียเซี่ยงตึ้งหาดใหญ่ เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุบนถนนสายเอเชีย ฝั่งขาออกจาก อ.หาดใหญ่ บ้านคอกช้าง หมู่ 6 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา พบรถยนต์กระบะยี่ห้อวีโก้ตอนครึ่ง สีบรอนเงิน หมายทะเบียน ผก 3187 สุราษฎร์ธานี เสียหลักพุ่งชนกับต้นไม้ข้างทางขาด 3 ต้น รถพังยังเยินตัวรถพาดอยู่บนต้นไม้ในคูกลางถนน

 

      ภายในซากรถกระบะมีผู้เสียชีวิตคาที่2คนคือนางขนิฐา สุวรรณเรืองศรี อายุ 42 ปี กับนางนิตย์ แก้วชู อายุ 69 ปี และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 คน คือ นายสมโชค แก้วชู อายุ 52 ปี และยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 2 คนหน่วยกู้ภัยได้งัดร่างออกมาจากรถและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลรัตภูมิ ประกอบด้วย นายประเสริฐ เรืองศรี อายุ 42 ปีคนขับ และนางวรา แก้วชู อายุ 46 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรัตภูมิ

 

      นอกจากนี้ที่เกิดเหตุยังพบรถเก๋งโตโยต้าวีออส สีขาว ทะเบียน ขท 6661 สงขลา จอดอยู่ริมถนนสภาพพังทั้งคันเนื่องจากชนต้นไม้ริมทาง แต่ นายสุรศักดิ์ สุดคง อายุ 23 ปีชาว อ.รัตภูมิ คนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

 

      จากการสอบสวนทราบว่า ระหว่างเกิดเหตุรถกระบะวิ่งมาด้วยความเร็วสูงและปาดหน้ารถเก๋งทำรถหมุนคว้างพุ่งไปชนต้นไปในคูกลางถนนอย่างรุนแรงและรถพังยับเยินทำให้ผู้ที่อยู่ในรถเสียชีวิตและบาดเจ็บ ส่วนรถเก๋งที่โดนกระบะตัดหน้าคนขับตกใจหักหลบทำให้รถกระบะเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางเช่นกัน แต่โชคดีที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานและจะสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง

 

 

 

 

      ที่บริเวณลานคนเมือง เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 8 มกราคม พ.ต.อ. อลงกรณ์ สีมาวุธ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาเป็นประธานในพิธีปล่อยแถวเข้าแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรม และรักษาความความปลอดภัยตัวเมืองสงขลา ในช่วงวันเด็กแห่งชาติโดยมี ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา กองพันสารวัตรทหารเรือที่ 3 จำนวน 50 นายมาระดมกวาดล้างอาชญากรรมและตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท ทั้งยาเสพติด และอาวุธปืน

 

      ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงวันเด็กแห่งชาติ สร้างความอบอุ่นใจแก่ชาวสงขลา รวมทั้งเพื่อป้องกันเหตุ เนื่องจากพื้นที่ จ.สงขลา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ แต่ละปีในช่วงวันเด็กจะมีพ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมวันเด็กที่หลายๆหน่วยงานในจังหวัดสงขลาจัดขึ้น อีกทั้งยังมีคณะครูและนักเรียนที่นำรถบัสเดินทางมาจากต่างจังหวัดเข้ามาท่องเที่ยววันเด็กในพื้นที่จังหวัดสงขลาเป็นจำนวนมากทุกปี

 

      ดังนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนชาวสงขลา จึงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กวาดล้างอาชญากรรม ช่วงวันเด็กแห่งชาติ คอยอำนวยความสะดวก และดูแลรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินแก่คณะครูและนักเรียนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยววันเด็ก นอกจากนี้ ยังจัดตั้งจุดตรวจ และจุดสกัดตามถนนสายหลักและสายรอง และเส้นทางหลักก่อนเข้าสู่ตัวเมืองสงขลา 20 จุด แบบปิดเมือง