ข่าว

สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (2)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (2) : คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม

 
                        ข้าวของภายในบ้านที่ถูกรื้อค้นจนกระจัดกระจายดูเผินๆ เหมือนคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่ายกครัวนักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ตระกูล “ปทุมวาสนา” โดยเหตุเกิดที่ย่านลาดพร้าว เมื่อเดือนเมษายน 2552 จะเป็นคดีฆ่าชิงทรัพย์ธรรมดา แต่การสูญหายไปของคอมพิวเตอร์พีซี 1 เครื่อง และโน้ตบุ๊กอีก 3 เครื่อง กลายเป็นชนวนให้ตำรวจสงสัยว่า แท้ที่จริงแล้วคนร้ายอาจมีเจตนาแอบแฝงในเรื่องอื่นที่ต้องการฆ่าเหยื่อแล้วอำพรางคดีจัดฉากให้เป็นการฆ่าชิงทรัพย์
 
                        หลังเกิดเหตุคดีนี้ ตำรวจชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ประสานกับชุดสืบสวนของกองปราบปราม เพื่อร่วมกันคลี่คลายคดี โดยได้พยายามตรวจสอบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียง รวมถึงตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ตายที่คนร้ายนำติดตัวไป โดยเฉพาะโทรศัพท์ของผู้ตายจำนวน 4 เครื่อง
 
                        หลังพบศพผู้ตายทั้ง 5 คน นาน 7 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การจับกุมคนร้ายคือ การตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์ของผู้ตายถูกนำไปขายให้ร้านโทรศัพท์มือสอง เบาะแสดังกล่าวนำไปสู่การจู่โจมเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน คือ นายวันชัย อ้นปันส์ หรือแดง อายุ 58 ปี และนายปริทรรศ นุ่มน้อย หรือยี อายุ 52 ปี 
 
                        ตำรวจควบคุมตัวทั้งสองได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งในซอยทุ่งมังกร 7 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. พร้อมของกลางในคดี เช่น เครื่องช็อตไฟฟ้า ถุงมือยาง อุปกรณ์งัดแงะ และกระดาษแผนที่บ้านพักผู้ตาย
 
                        “วันชัยซึ่งขับรถแท็กซี่อยู่ด้วยกันชวนมาทำงานสบายๆ เพียงแค่เข้าไปในบ้านแล้วจับเจ้าของบ้านมัด แล้วเอาทรัพย์สินเท่านั้น วันเกิดเหตุนั่งแท็กซี่เข้ามาที่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุ โดยวันชัยลงไปกดกริ่งหน้าบ้านแล้วบอกกับคนรับใช้ในบ้านว่ามาหาเฮีย หลังคนใช้เปิดประตูก็จับมัดแล้วขังไว้ในห้องน้ำชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนเคาะห้องของลูกชายเจ้าของบ้านจนเปิดประตูออกมาจึงจับตัวมัดไว้” นายปริทรรศ ยอมรับต่อตำรวจหลังถูกจับกุม 
 
                        นายปริทรรศ อ้างด้วยว่า ขณะเกิดเหตุหลังมัดตัวลูกชายเจ้าของบ้านแล้วนายวันชัยไปเคาะห้องลูกสาวของเจ้าของบ้านต่อ ระหว่างที่เด็กออกมา นายวันชัยก็เอาปืนจ่อ แต่เด็กปัดปืนออก ปืนจึงลั่นใส่ลูกสาวเจ้าของบ้านล้มลง จากนั้นจึงเข้าไปค้นหาทรัพย์สินตามห้องต่างๆ กระทั่งผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง นายธนายศ ปทุมวาสนา เจ้าของบ้าน และนางกนกกาญจน์ โพธิ์ทอง ซึ่งเป็นภรรยา กลับมาถึงบ้าน จึงช่วยกันจับตัวโดยนายวันชัยได้ยิงนายธนายศ ส่วนนางกนกกาญจน์ได้นำไปขังไว้อีกห้อง โดยนายวันชัยนำโน้ตบุ๊กไป 3 ตัว โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 1 ตัว และเงินสดอีก 2 หมื่นบาท ไปขึ้นรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีขาว ของเจ้าของบ้าน ขับหลบหนี แล้วนำรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถวัดป้อมแก้ว จ.สมุทรสงคราม 
 
                        คำให้การของนายปริทรรศ มีประโยชน์ต่อรูปคดีบางส่วน แต่จากการสอบถามตำรวจเชื่อว่านายปริทรรศปิดบังข้อเท็จจริงบางอย่าง และที่สำคัญคือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะรอยเท้าที่พบในบ้านหลังเกิดเหตุซึ่งคาดว่าเป็นของคนร้ายมีจำนวนมาก และขนาดแตกต่างกัน ซึ่งหลักฐานที่พบดังกล่าวบ่งบอกว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 2 คน นำมาสู่ข้อสงสัยในการแกะรอยหาตัวคนร้ายทั้งหมด
 
                        ตำรวจพยายามสอบเค้นผู้ต้องหาที่จับกุมได้ กระทั่งทราบว่า คนร้ายที่ลงมือสังหารครอบครัวปทุมวาสนาครั้งนี้ไม่ได้มีเพียง 2 คน แต่ยังมีนายธรายุทธ แสนสุข หรือเจี๊ยบ อายุ 47 ปี และนายอำนาจ ภราดรพิทักษ์ หรือโอ๋ อายุ 27 ปี ร่วมก่อเหตุด้วย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งนายวันชัย เป็นผู้ใช้ปืนยิงนายธนายศและบุตรสาว ที่เหลือใช้กำลังจับมัดและบีบคอภรรยาและบุตรชาย รวมถึงจับคนรับใช้แขวนคอกับลูกบิดประตูจนเสียชีวิต 
 
                        หลังทราบเบาะแสดังกล่าวตำรวจได้ติดตามจับนายธรายุทธ และนายอำนาจ ได้หลังจากควบคุมตัวผู้ต้องหา 2 รายแรก นาน 2 สัปดาห์ 
 
                        การควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบกับการขยายผลของตำรวจยิ่งมั่นใจว่าคดีนี้ไม่ใช่การฆ่าชิงทรัพย์ แต่เป็นการบงการฆ่าที่หวังผลทางธุรกิจหรือการฆ่าล้างหนี้ เพราะการตรวจสอบของตำรวจพบว่านอกจากผู้ตายจะทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์แล้ว ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าที่ดินและปล่อยเงินกู้ ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นข้อสงสัยอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำมาสู่คดีฆาตกรรม เพราะลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายดูมีเจตนาจะแย่งชิงหลักฐานอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะการหยิบฉวยเอาคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง โน้ตบุ๊กอีก 3 เครื่อง ไปด้วย ทั้งที่ผู้ก่อเหตุไม่น่าจะมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 
 
                        ตำรวจพยายามตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊กทั้ง 4 เครื่อง เพราะเชื่อว่าน่าจะเชื่อมโยงไปยังสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงยังตรวจสอบอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพา หรือ แฟลชไดรฟ์ ของนางกนกกาญจน์ที่พบในบ้านหลังเกิดเหตุด้วย
 
                        และนั่นนำมาสู่ความกระจ่างของคดี
 
                        ในแฟลชไดรฟ์ดังกล่าว พบข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการทำธุรกิจ รวมทั้งได้ระบายความในใจระบุถึงเงินกู้ค้างชำระหลายสิบล้านบาท ของคนรู้จักรายหนึ่ง ซึ่งมีการระบุถึงการหลอกลวงให้ทำธุรกิจบริษัท ที เอส เฮิร์บ จำกัด จนต้องสูญเงินอีกกว่า 10 ล้านบาท
 
                        ตำรวจยังพบเอกสารเขียนด้วยลายมือของนายธนายศ ระบุว่า มีคนใกล้ชิดของบุคคลที่ทำธุรกิจด้วยโทรศัพท์มาในทำนองข่มขู่ให้ระวังตัวอีกด้วย จึงยิ่งเพิ่มน้ำหนักของปมสังหารไปในเรื่องฆ่าล้างหนี้
 
                        ข้อมูลที่ได้จากแฟลชไดรฟ์ กลายเป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้ตำรวจปิดคดีนี้ได้สำเร็จ ส่วนบทลงเอยของผู้ต้องหาจะเป็นอย่างไร ใครคือผู้บงการฆ่า ติดตามต่อตอนหน้า
 
 
 
 
 
---------------------
 
(สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (2) : คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม
 
หมายเหตุ : สืบจาก 'แฟลชไดรฟ์' จับฆาตกรฆ่าล้างครัว 'ปทุมวาสนา' (1)
 
 
 
 
 
 
 
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ