ข่าว

ตม.รวบ'แฮกเกอร์'ระดับโลก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตม.ไทย รวบ 'แฮกเกอร์' ระดับโลก ตามหมายจับสหรัฐ เผยแฮกข้อมูลเจ้าของบัญชี และธนาคารพาณิชย์ ครั้งนึงได้เงินมากสุดถึง 10 ล้านดอลลาร์

                          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ม.ค. 56  ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ภานุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบช.สตม. พ.ต.ต.พรต เศรษฐกร สว.กก.สืบสวนปราบปราม บก.ตม.2 พร้อมชุดสืบสวน บก.ตม.2 แถลงผลการจับกุมแฮกเกอร์หนุ่มระดับโลก นายแฮมซา เบ็นดิลลาดจ์ อายุ 24 ปี สัญชาติแอลจีเรีย ตามหมายจับศาลอาญาที่ 7/2556 ลงวันที่ 4 ม.ค. 2556 ในข้อหาผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมของกลางโน้ตบุ๊ก ยี่ห้อซัมซุง สีเหลือง จำนวน 1 เครื่อง โน้ตบุ๊ก ยี่ห้อแอปเปิล รุ่นแม็คบุ๊กแอร์ จำนวน 1 เครื่อง ไมโครซอฟต์แท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์ดาวเทียม จำนวน 1 เครื่อง และเอ็กเทอร์นอลฮาร์ดดิส อีกจำนวนหลายรายการ โดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

                          พล.ต.ท.ภาณุ เปิดเผยว่า นายแฮมซา เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ โดยผู้ต้องหารายนี้ จบการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ ก่อนจะออกมาทำการโจรกรรมข้อมูลของธนาคารพาณิชย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนายแฮมซา จะแฮกข้อมูลของเจ้าของบัญชี และธนาคารพาณิชย์ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลด้านความมั่นคง สามารถจับกุมได้ตามหมายจับ ขณะที่นายแฮมซา เดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวที่มาเลเซีย แล้วบินมาเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลาประมาณ 24.00 น. กลางดึกที่ผ่านมา เพื่อเดินทางไปกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ จึงจับกุมได้ดังกล่าว จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เริ่มกระทำความผิดมาตั้งแต่ปี 2008 โดยนายแฮมซา เป็น 1 ใน 10 ผู้ต้องหาคนสำคัญที่สหรัฐอเมริกาต้องการตัวมากที่สุด ติดตามตัวมากว่า 3 ปี ซึ่งเคยทำการแฮกครั้งนึง ได้เงินมากสุดจำนวนกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

                          จากการสอบสวน นายแฮมซา ให้การรับสารภาพว่า หลังจากเรียนจบมาก็มาประกอบอาชีพเป็นแฮกเกอร์ทันที แต่จะไม่เจาะจงกลุ่มใดโดยเน้นทำทั่วโลกรวมถึงตัวบุคคล ส่วนเงินที่ได้จากการกระทำผิดจะนำไปใช้จ่ายส่วนตัวและท่องเที่ยว ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสจากการกระทำของนายแฮมซา กว่า 217 แห่งทั่วโลก โดยมีมูลค่าความเสียหายจำนวนหลายล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก

                          เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะส่งตัวให้ประเทศสหรัฐอเมริกา รับไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงผ่านทางธนาคาร และฉ้อโกงธนาคาร ตามหมายจับศาลแขวงสหรัฐอเมริกาแห่งรัฐจอร์เจียตอนเหนือ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ