ข่าว

เครียด...เสพยาหลอนฆ่าหั่นศพ'สามี'

เครียด...เสพยาหลอนฆ่าหั่นศพ'สามี'

09 ต.ค. 2555

เครียด...เสพยาหลอน ฆ่าหั่นศพ'สามี'อัมพาต : ตะลุยข่าว โต๊ะรายงานพิเศษ

             "เสพยาบ้าเกือบ 10 เม็ด..." พรสุรีย์ ดีแผ่ว วัย 36 ปี ตะโกนบอกชุดสืบสวน หลังจากตัดสินใจขอตรวจปัสสาวะของเธอ ซึ่งผลทดสอบปัสสาวะเป็นสีม่วง!!
   
             กว่า 10 ชั่วโมงที่ "พรสุรีย์" หรือ "เหมย" ถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ถูกกล่าวหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และคดีปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ "ประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์" สามีวัย 47 ปี อดีตดีไซเนอร์ โดยไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวนถึงมูลเหตุจูงใจในคดีฆาตกรรมครั้งนี้
   
             พฤติกรรมของ "พรสุรีย์" หลังถูกควบคุมตัว มีอาการพูดจาวกวนไปมาคล้ายคนเมายาเสพติด บางครั้งก็แสดงอาการเป็นร่างทรงพูดจาวกวนไปมา และอ้างว่าเป็นร่างทรง "คม ชัด ลึก" พยายามพูดคุยและสังเกตพฤติกรรมของเธออยู่หลายชั่วโมงพบว่า บางครั้งเธอก็พูดจารู้เรื่องแล้วเข้าใจในคำถามบางคำถาม
   
             ก่อนเกิดเหตุทำร้ายสามีด้วยของแข็งไม่มีคม เพราะเสพยาบ้ามาค่อนข้างนาน และมีความเครียดที่ต้องดูแลสามี ซึ่งเป็นอัมพาตมานานต้องนำอุจจาระปัสสาวะของสามีไปทิ้ง ประกอบกับคิดว่าสามีนอกใจ จึงเกิดอาการหลอนลงมือทำร้ายสามี แล้วเมื่อฆาตกรรมสามีเสียชีวิตจำเป็นต้องอำพรางศพใช่หรือไม่?
     
             "ใช่เธอวิเคราะห์ได้เก่งมาก ถ้าไม่ฆ่าตอนนี้คงไม่มีโอกาส" พรสุรีย์ ตอบเสียงค่อนข้างเสียงดังต่อหน้าชุดสืบสวน แล้วก็ไม่ยอมพูดจาใดๆ อีก แต่ยังแสดงอาการคล้ายร่างทรง
   
             ชุดสืบสวนคาดว่า เธอน่าจะมีความเครียดสะสมประกอบกับเสพยาบ้ามาค่อนข้างนานทำให้เกิดอาการหลอนแล้วก่อเหตุโดยมีการเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่ออำพรางศพหลังก่อเหตุฆาตกรรม
   
             ระหว่างที่ถูกควบคุมตัว หลานสาวได้เดินทางมาเยี่ยมแล้วสวมกอดร้องไห้ จากการสังเกตอาการในห้วงเวลานั้นเหมือน "พรสุรีย์" แสดงสีหน้าเศร้าหมอง แต่เพียงไม่กี่นาทีกลับแสดงอาการคล้ายคนเสียสติจำไม่ได้ว่าเป็นใคร?!!
   
             หลานสาวของ "พรสุรีย์" ให้ข้อมูลกับ "คม ชัด ลึก" ว่า น้าสาวจบการศึกษาแค่ชั้นป.6 เคยมีสามีมาแล้วแต่ก็เลิกรากันไป จนกระทั่งพบกับนายประสิทธิ์ อยู่กินแบบสามีภรรยามานานกว่า 9 ปี มาพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุมานานมาก
   
             "พ่อของน้าสาวเสียชีวิตไปนานแล้วเหลือแต่แม่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้รับรู้เพราะแม่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ก่อนหน้านี้น้าสาวส่งเงินให้แม่เป็นประจำแล้วไปหาแม่บ่อยครั้ง แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นายประสิทธิ์ลื่นล้มในห้องน้ำจนกระทั่งเป็นอัมพาต ทำให้น้าสาวต้องดูแลแล้วบ่นว่าเครียด ไม่มีเวลาไปเยี่ยมแม่ที่ป่วย เนื่องจากต้องดูแลสามี ยิ่งช่วงหลังน้าสาวเปลี่ยนไปมาก บางครั้งพูดจาเพ้อเจ้อไม่อยู่กับร่องกับรอยบอกให้ไปรักษาก็ไม่ไป ก็ยังสงสัยว่าน้าสาวทำไมถึงทำแบบนี้ ทั้งที่รักสามีคนนี้มาก เนื่องจากคอยดูแลทุกอย่างให้เงินใช้แล้วให้เงินส่งไปดูแลแม่" หลานสาวของพรสุรีย์ กล่าว
   
             กระทั่งล่าสุด "พรสุรีย์" ยอมปริปากสารภาพอ้างว่า สามีชอบดุด่าและทำร้ายร่างกาย ก่อนหั่นศพใช้ไขควงแทงบริเวณศีรษะสามีจนเสียชีวิต แล้วจึงหั่นศพแล้วนำไปทิ้ง!!
   
             พฤติกรรมการก่อเหตุสยองของ "พรสุรีย์" ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อราว 9 โมงเช้าของวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากเธอเรียกให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของธิติวงศ์อพาร์ตเม้นท์ ซ.บางขุนนนท์ 12 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ มาช่วยขนย้ายของออกจากห้องพักเลขที่ 714 ซึ่งมีกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ และถุงพลาสติกมีซิปรูดหลายใบ ระหว่างขนกระเป๋าเดินทางสีดำมีความรู้สึกว่าน้ำหนักมากผิดปกติ แล้วเห็นคราบโลหิตติดอยู่จึงแง้มกระเป๋าดู จึงเห็นส่วนขาของมนุษย์ จึงแจ้งให้ ร.ต.อ.ภูมินทร์ คิศาลัง รองสว.กก.สส.บก.น.7 ซึ่งพักอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกันทราบ และขอกำลังสนับสนุนจนกระทั่งคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน
   
             "จากการตรวจสอบภายในกระเป๋าเดินทางพบชิ้นส่วนมนุษย์ พยานหลายปากยืนยันว่าน่าจะเป็นนายประสิทธิ์ แต่ไม่พบศีรษะ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเดินทางมาที่เกิดเหตุจนกระทั่งสอบสวนพยานแวดล้อมเพิ่มเติมทราบว่าพบเห็น น.ส.พรสุรีย์ นำกระเป๋าพลาสติกใบขนาดกลางโยนทิ้งน้ำริมคลองบางกอกน้อย จนกระทั่งมีการค้นพบส่วนศีรษะของนายประสิทธิ์ จากหลักฐานในที่เกิดเหตุรวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมหลายปากยืนยันชัดเจน ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน น.ส.พรสุรีย์ ไปซื้อกระเป๋าพลาสติกใบขนาดกลางที่ร้านแห่งหนึ่ง แล้วมีการแจ้งย้ายห้องล่วงหน้าจนกระทั่งก่อเหตุดังกล่าว" พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สส.บก.น.7 กล่าว


....................

(หมายเหตุ : เครียด...เสพยาหลอน    ฆ่าหั่นศพ'สามี'อัมพาต : ตะลุยข่าว โต๊ะรายงานพิเศษ)