ข่าว

9 ผู้ต้องหา ซิ่งบางนา ไล่ยิงอาชีวะนอนเรือนจำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลพระโขนงรับฝากขัง" 9 นศ.อาชีวะ"ค้านประกันกลัวยุ่งหลักฐาน-หนีคดีโทษสูง ขณะที่ 2 ใน 9 ยื่น 6.7 แสนประกัน ศาลไม่ให้ ชี้พฤติการณ์อุกอาจร้ายแรงไม่เกรงกลัว ก.ม.

 

26 กรกฎาคม 2562  ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ พนักงานสอบสวน สน.บางนา ได้ควบคุมตัว นายธีระวุฒิ หรือจุก เดชพัง อายุ 18 ปี , นายภราดร อยู่รักษ์ อายุ 19  ปี , นายพีรวิชญ์ หรือก้อง มูลติด อายุ 18 ปี  

 

 

นายคมสัน หรือโจ มีก้าน อายุ 18 ปี , นายวรชัย หรือเป้ สร้อยคูบัว อายุ 18 ปี , นายชวลิต หรือ แบ็ก จันทร์หง่อม อายุ 18 ปี , นายวรเชษฐ์ หรือเชลล์ เอนกนวล อายุ 18 ปี , นายอัครชัย หรืออาร์ต เรือนธนเกษม อายุ 18 ปี , นายรัชพล หรือตั้ม ข้อจักร อายุ 18 ปี ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ภูมิลำเนาเป็นคน จ.สมุทรปราการ และอุดรธานี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น - พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ร่วมในเหตุทำร้ายนักศึกษาต่างสถาบันตาย 1 เจ็บ 1 กลาง ถ.ศรีนครินทร์ ย่านบางนา มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. – 6 ส.ค.นี้

 

เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องรอสอบพยานอีก 6-7 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติ –ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา จากกองทะเบียนประวัติอาชญากร , ผลตรวจกระสุนปืน , ปลอกกระสุนปืน , เศษชิ้นส่วนระเบิดปิงปอง ขณะที่พนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 คนด้วย เนื่องจากเป็นคดีมีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายอันตรายประการอื่น

 

โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ค.62 เวลาประมาณ 15.00 น.พนักงานสอบสวน สน.บางนา รับแจ้งว่า มีเหตุยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ที่บริเวณถนนทางเชื่อมระหว่าง ถ.ศรีนครินทร์กับบางนา-ตราดขาออก ซึ่งที่เกิดเหตุพบศพ นายธนาธิป หรือมอส เปี่ยมอยู่ กับปลอกกระสุนปืนลูกปรายขนาด .38 จำนวน 1 ปลอก , ลูกปรายขนาดเล็กของกระสุนลูกปรายขนาด .38 จำนวน 1 นัด , ชิ้นส่วนพลาสติกพันทับด้วยเทปสีดำ 1 ชิ้น และสะเก็ดลักษณะคล้ายก้อนหินสีเทาซึ่งเป็นชิ้นส่วนของระเบิดปิงปองตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 

 


ซึ่งพยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่า นายธนาธิป ผู้ตาย ขี่รถจยย.ฮอนด้า  มีเพื่อนนั่งกลางและนั่งซ้อนท้ายรวม 2 คน และมีเพื่อนในกลุ่มอีกคน ขี่รถจยย.ฮอนด้า สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีอีก 2 คนนั่งกลางกับซ้อนท้าย โดยทั้ง 6 คนเป็นกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ซึ่งขี่รถ จยย. มาจาก ซ.บางนา-ตราด 30 เลี้ยวซ้ายเข้าทางคู่ขนาน บางนา-ตราด ขาเข้า แล้วขึ้นสะพานกลับรถ ลงทางคู่ขนานฝั่งขาออก เมื่อถึงบริเวณหน้าปั๊มสยามแก๊ส มีกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีอีกแห่งหนึ่ง ย่านสมุทรปราการ ประมาณ 15-20 คน จอด รถจยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 12 คัน เมื่อเห็นกลุ่มของผู้ตาย 6 คน ขี่รถจยย. ลงมาจากสะพานกลับรถแล้วผ่านจุดดังกล่าว

 

กลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีต่างสถาบันนั้นจึงได้ขี่รถไล่ติดตามรถกลุ่มผู้ตายที่ได้เร่งรถหลบหนีไปทางคู่ขนาน บางนา-ตราด ขาออก และหลังจากผู้ตายเลี้ยวซ้าย เข้าถนนทางเชื่อมระหว่าง ถ.ศรีนครินทร์ กับ ถ.บางนา-ตราด ขาออก มาได้ประมาณ 500 เมตร ผ่านโรงแรมแห่งหนึ่งช่วงทางโค้ง กลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีต่างสถาบันนั้น ได้ใช้ระเบิดปิงปองขว้างใส่ รถจยย.ที่ผู้ตายขี่

 

จากนั้นมีผู้ใช้ปืนเล็งมาทางผู้ตายกับพวก เมื่อเพื่อนผู้ตายที่นั่งซ้อนท้ายอยู่เห็นจึงได้ยกแขนขวาขึ้นกดหัวเพื่อนอีกคนให้ก้มหลบกระสุนปืน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัดซึ่งกระสุนปืนถูกท่อนแขนขวาของเพื่อนผู้ตายได้รับบาดเจ็บ ขณะที่กระสุนนั้นทะลุเข้าบริเวณหลัง ใต้สะบักขวาผู้ตาย จึงเป็นเหตุให้ รถ จยย. ผู้ตายเสียหลักล้ม ลงทับผู้ตาย จากนั้น กลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีต่างสถาบันได้โยนระเบิดปิงปอง ใส่กลุ่มผู้ตายอีก 1 ลูก เมื่อเพื่อนของผู้ตาย 2 คนที่นั่งซ้อนท้ายมากำลังวิ่งหลบหนี ได้ถูกรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ 

 

ขณะที่รถของเพื่อนผู้ตายอีกคันที่นั่งซ้อนมา 3 คน ถูกรถ จยย. ของผู้ตายชนล้มลงเช่นกัน เมื่อกลุ่มเพื่อนมาดูนายธนาธิป ผู้ตาย ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ "นายคมสัน หรือโจ" ผู้ต้องหาร่วมคดีนี้ ขี่รถ จยย. ตามมา เมื่อเห็นหนึ่งในเพื่อนผู้ตายจึงเอ่ยปากขอโทษเพราะรู้จักกันกับนายคมสันจึงห้ามเพื่อนไม่ให้รุมทำร้ายอีก แล้วกลุ่มของนายคมสันขี่รถ จยย.หลบหนีไป ภายหลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้ามาช่วยเหลือนายธนาธิป แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

จากการสืบสวนติดตามคนร้ายทราบว่า ตามวัน-เวลาเกิดเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้ขี่รถจยย.รวมกลุ่มกัน 12 คัน ประมาณ 20 คน มาจอดบริเวณหน้าปั๊มสยามแก๊สเพื่อจะทำร้ายนักเรียนโรงเรียนอื่น ซึ่งการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหา เป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันพยายามฆ่า , ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร , ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน , นำรถที่จดทะเบียนแล้วไม่มีและไม่แสดงแผ่นป้ายจดทะเบียน (ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน) และขับขี่รถโดยไม่ได้รับอนุญาตขับรถ รวม 8 ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 ( 4) , 295 ,  296 , 371 , 376 , พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4 (1 )( 2) , 7 , 8 ทวิ , 72 วรรคสาม , 72 ทวิ วรรคสอง , พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 11 , 60 , 64  ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83 เหตุเกิดที่บริเวณทางเชื่อมระหว่าง ถ.ศรีนครินทร์ กับ ถ.บางนา-ตราดขาออก แขวงหนองบน เขตประเวศ  ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

 

โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ขณะที่ "นายพีรวิชญ์ หรือก้อง มูลติด" และ "นายวรเชษฐ์ หรือเชลล์ เอนกนวล" สองผู้ต้องหาใน 9 รายดังกล่าว ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด และกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ คนละ 670,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราว แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง และมีพฤติการณ์อุกอาจร้ายแรงโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และอาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างการฝากขังนี้ 

 

ภายหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 รายไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขังนี้ต่อไป

 

สำหรับเยาวชนชายที่ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย อายุ 15 ปี 7 เดือนนั้น พนักงานสอบสวน สน.บางนา ได้นำตัวไปยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ขอให้มีคำสั่งออกหมายควบคุมตัวผู้ต้องหา ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 71 ประกอบวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 

 

ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนแลเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ , ร่วมกันยิงปืนฯ ในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 295 , 298 , 371 , พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4 , 7 ,  8 , 8 ทวิ 

 

โดย "ศาลเยาวชนฯ" พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าพนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 70 โดยสอบถามเบื้องต้นและแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่ามีเหตุที่จะให้ศาลออกหมายควบคุมตัว เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แห่งและคำร้องของพนักงานสอบสวนแล้ว การกระทำของผู้ต้องหานั้นเป็นภัยร้ายแรงต่อผู้อื่น หรือเกรงว่าจะหลบหนี ถือว่ามีเหตุสมควร โดยศาลคำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิและประโยชน์สูงสุดของผู้ต้องหาแล้ว  จึงอาศัยอำนาจตาม มาตรา 73 มีคำสั่งให้ควบคุมตัวผู้ต้องหานั้นไว้ในสถานพินิจ

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ