ข่าว

รัฐฯ - เอกชนขานรับสกัดยาเสพติดซุกพัสดุภัณฑ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตัวแทนรัฐฯ - เอกชน ขานรับมาตรการสกัดยาเสพติดส่งพัสดุภัณฑ์ งัดกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ 180 วัน

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 ที่ ห้องประชุมพรหมนอก ชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต  พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมหารือ และวางแนวทางป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางไปรษณีย์ไทยพัสดุภัณฑ์ และระบบขนส่ง (Logistics) นานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า

 

 

 

               วันนี้ได้มีการประชุมกับผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ของรัฐฯ ทั้งตำรวจ ป.ป.ส. ศุลกากร และ กอ.รมน. โดยหน่วยงานต่างๆ ได้มีการพูดคุยกันและได้ข้อสรุปว่าจะต้องทำงานอย่างต่อเนื่องให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีประกาศสำนักนายกในการเข้มงวดผู้ส่งและผู้รับ แต่การขนส่งทางไปรษณีย์ก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบางบริษัทมีระบบการลงทะเบียนผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ ทำให้การพิสูจน์ตัวตนเป็นไปค่อนข้างยาก ดังนั้น จึงได้วางแนวทางในการระบุเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ส่ง - ผู้รับ และพาสเนอร์ต่างๆ ให้มีมาตรฐานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน

               นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือในการเก็บข้อมูลภาพจากกล้องซีซีทีวีไว้อย่างน้อย 180 วัน เพื่อใช้ตรวจสอบพิสูจน์ทราบตัวบุคคลในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ในกรณีที่มีการตรวจพบจับกุมได้ ซึ่งการหารือในวันนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ถือเป็นสิ่งที่ดีในการปรับเพิ่มมาตรการต่างๆ โดยได้มีการปรับความเข้าใจและความต้องการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้มีการเข้าใจที่ตรงกัน

               พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนอุปสรรคของการตรวจสอบพัสดุ ไม่สามารถทำการตรวจสอบได้ทุกชิ้น เนื่องจากพัสดุมีปริมาณมาก และอุปกรณ์เครื่องมือมียังไม่ครบ ซึ่งจุดที่สำคัญในการรับ - ส่งของไปยังประเทศต่างๆ มีจุดเอกซเรย์จะมีการทำงานอย่างรัดกุม ส่วนการส่งในประเทศปริมาณการส่งก็มีจำนวนมาก ซึ่งได้หารือกันแล้วสรุปว่าจะมีตำรวจจากทุกสถานีแต่งตั้งให้เป็นผู้ประสานงาน ไปทำการอบรมให้ความรู้กับพนักงานในการตรวจสอบ ว่าอะไรควรจะเป็นสิ่งที่น่าควรสงสัยที่จะต้องแจ้งตำรวจ โดยจะมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในระดับพื้นที่

 

 

 

               นายกำพุธ อยู่คง ผู้ช่วยผู้จัดการบริหารด้านระบบบริการบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ไปรษณีย์ไทย” มีมาตรการตรวจคัดกรองสิ่งของตั้งแต่ต้นทาง โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจพิรุธจากใบหน้าผู้ถือบัตรประชาชน ว่าตรงกันกับตัวผู้ส่งหรือไม่ เพื่อบันทึกในฐานข้อมูลที่สามารถใช้ติดตามทางคดีได้ โดยที่ทำการไปรษณีย์ยังมีกล้องวงจรปิดคอยจับภาพผู้ใช้บริการอีกทางหนึ่ง ซึ่งก็จะมีการตรวจข้อมูลที่จ่าหน้าพัสดุนั้นด้วย พร้อมสอบถามว่าส่งอะไรเป็นของผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบพิรุธและผู้ส่งปฏิเสธไม่ให้ตรวจสอบ ก็จะไม่ดำเนินการจัดส่ง เช่นเดียวกับกรณีผู้ใช้บริการฝากส่งของโดยแพ็คมาเองก่อน หากเจ้าหน้าที่ตรวจดูแล้ว หีบห่อไม่แข็งแรงก็จะแนะนำให้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์

               นายกำพุธ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าสาเหตุที่ยังมีผู้ลักลอบขนส่งสิ่งของผิดกฎหมายทางไปรษณีย์นั้น เนื่องจากมาตรการของภาครัฐ ทั้งตำรวจและทหารที่เข้มงวด ในการตั้งด่านตรวจต่างๆ ทำให้ผู้กระทำผิดหาช่องทางในการขนส่งด้วยวิธีอื่นๆ แทน เช่น วิธีการส่งพัสดุทางไปรณีย์  แต่ก็ไม่เป็นที่นิยม เพราะต้องแสดงตัวและถูกบันทึกข้อมูลทั้งผู้รับผู้ส่ง นอกจากนี้ ทางเรายังได้เชื่อมข้อมูลต่างๆ กับภาครัฐให้สามารถเข้าตรวจสอบได้ทันทีอีกด้วย

               นายศราวุธ สงวนสัตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไป บริษัทนิ่มเอ็กซ์เพรส จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่เราเป็นบริษัทเอกชน ก็จะมีมาตรการหลักคือจะไม่รับส่งของหากผู้ส่ง ไม่มีบัตรประชาชน เพื่อใช้สำหรับนำจับ กรณีส่งสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ยอมรับว่า บริษัทเอกชนส่วนมาก ไม่มีเครื่องเอกซเรย์สิ่งของเพราะมีมูลค่าสูง ยอมรับว่าเป็นจุดอ่อนที่ทำให้มีผู้ลักลอบส่งของผิดกฎหมาย เนื่องจากบริษัทเอกชนไม่มีสิทธิ์แกะสิ่งของตรวจสอบ หากพบพิรุธจึงต้องริบไว้ ก่อนประสานตำรวจเข้ามาตรวจสอบ อีกทั้งในแต่ละวันมีพัสดุที่ต้องส่งจำนวนมาก หากแกะตรวจและปิดผนึกดังเดิมทั้งหมดจะไม่ทันกำหนดส่ง อย่างไรก็ตาม การประชุมในวันนี้นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้พูดคุยถึงปัญหาข้อบังคับต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานที่ไม่ตรงกัน

 

 

 

รัฐฯ - เอกชนขานรับสกัดยาเสพติดซุกพัสดุภัณฑ์

 

 

 

รัฐฯ - เอกชนขานรับสกัดยาเสพติดซุกพัสดุภัณฑ์

 

 

 

รัฐฯ - เอกชนขานรับสกัดยาเสพติดซุกพัสดุภัณฑ์

 

 

 

รัฐฯ - เอกชนขานรับสกัดยาเสพติดซุกพัสดุภัณฑ์

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ