ข่าว

ครอบครัวเหยื่อแพรวา เปิดใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ครอบครัว "เหยื่อแพรวา" โอด ถ้ารับผิดชอบตั้งแต่แรก เรื่องจะไม่ยืดยาวถึงวันนี้   

            คดีซีวิคข่าว 9 ศพ  คดีสะเทือนขวัญ  ที่เกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีก่อน  นำมาซึ่งความสูญเสียของ 9 ครอบครัว  จากวันนั้นถึงวันนี้ ต่อสู้กันมาถึง 3 ชั้นศาล แม้ว่าจะมีคำพิพากษาตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 9 ครอบครัวกลับไม่ได้รับการติดต่อ และคำขอโทษจากทางจำเลย แม้แต่ครั้งเดียว  รายการ ข่าวเช้า Good Morning Thailand” ช่วงเรื่องเด่นประเด็นดัง ผู้ประกาศ “ต๊ะ" พิภู  พุ่มแก้วกล้า ได้รับเกียรติจาก พ.ต.อ.ศรัญ และ นางชุติมา นิลวรรณ บิดา-มารดาของ "น้องนุ่น" สุดาวดี นิลวรรณ  หนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น มาเป็นตัวแทนอีก 8 ครอบครัว เปิดใจถึงความรู้สึกถึงความสูญเสียของครอบครัว ว่า..ถ้ามีความรับผิดชอบตั้งแต่แรก เรื่องราวจะไม่ยืดยาวมาจนถึงวันนี้!!!

@@ ในฐานะตัวแทนสื่อ บางทีเราก็จำเป็นต้องนำเสนอข่าว เราอยากให้ทุกคนได้ความยุติธรรมนะ แต่พอมันซ้ำๆ บ่อยๆ มันทำให้ภาพความเจ็บช้ำนั้นเกิดขึ้นมาอีกรึเปล่าครับ มีกระทบจิตใจคุณพ่อคุณแม่รึเปล่

พ่อ : ความทุกข์ หรือความเศร้าโศกเสียใจ มันก็ยังคงมีอยู่ ยอมรับว่าทุกครั้งที่มีข่าว ความรู้สึกเดิมๆ ก็กลับมาแต่พวกเราก็เข้าใจสื่อ เข้าใจสังคมแหละครับ เป็นธรรมดาเพราะถ้าสื่อไม่นำเสนอข่าว เราก็อาจจะต้องต่อสู้ อย่างโดดเดียว   

       

@@ ต่อสู้มา 9 ปีเต็มๆ ตอนนี้ศาลตัดสินเรียบร้อยแล้ว ทั้งทางแพ่ง และทางอาญา  พอใจกับคำตัดสินทั้งหมดไหมครับ?

พ่อ : การฟ้องร้องในคดีแพ่ง ทางฝ่ายที่กระทำไม่ได้ยื่นเสนอว่าจะเยียวยาเรา ก็เลยต้องฟ้องตาม กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราก็เคารพในการตัดสินของศาล แน่นอนครับเราในฐานะฝ่ายผู้เสียหาย ทางทนายเขาก็บอกไว้ว่าเมื่อศาลตัดสินมา มันก็จะได้น้อยกว่าที่เราฟ้องไปอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับครับ ศาลให้มาเท่าไหร่เราก็เท่านั้น  มีผู้เสียหายทั้งหมด 28 คน รวมๆ กันแล้วประมาณ 26 ล้านบาท แล้วก็มาเฉลี่ยกันแต่ละคนมีครอบครัว มี ผลกระทบที่ได้รับไม่เท่ากัน  แต่จำเลยกลับยื่นอุทธรณ์ว่ามากเกินไป เสียมากไปหรือ ถ้าเสียก็ต้องให้รถตู้มาเสียด้วย  พอศาลอุทธรณ์ลดจำนวนเงินเราหนึ่งในห้า พวกเราก็ต้องใช้สิทธิ์ฎีกา เพราะเห็นว่าน้อยอยู่  แล้วทำไมต้องลดลงไปอีก ซึ่งศาลฎีกาท่านก็เมตตากลับไปที่ศาลชั้นต้น ก็พอใจ เพราะเราก็ขอแค่นั้นแหละครับไม่ได้ขอมากกว่านั้น   คิดว่าน่าจะจบ แต่ก็ยังไม่จบเพราะว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกา เพราะยังไม่ได้เงิน 

 

@@ ระหว่างทาง 9 ปีที่ผ่านมา ทางฝั่งนั้นเขามีความพยายามที่จะให้เรื่องมันจบตั้งแต่ศาลชั้นต้นเลยไหม

แม่ : 9 ปีที่ผ่านมา ทางครอบครัวคุณพ่อกับคุณแม่ไม่เคยได้รับการติดต่อจากเขาเลยแม้สักครั้งเดียว เงินช่วยเหลือไม่เคยได้รับสักบาทเดียว ไม่เคยมางานศพ ก็เคยเจอครั้งหนึ่งที่ศาล ก็ไม่มอง ไม่เข้ามาขอโทษ

 

@@ เป็นไปได้ไหมครับว่าตอนนั้นเค้ายังเด็ก อาจจะทำตัวไม่ถูก หรือทนายความเขาอาจจะแนะนำแบบนี้  ว่าการรีบแสดงความเสียใจ หรือการขอโทษ มันอาจเป็นการยอมรับในชั้นศาลไปโดยปริยาย แล้วอาจจะมีผลต่อรูปคดีรึเปล่า

พ่อ : คือพวกเราเข้าใจว่าเด็ก หรือเยาวชนอายุ 17 ปี ก็มีผู้ปกครอง พ่อแม่หรือทนายความแนะนำให้ปฏิบัติ เขาก็คงตั้งข้อต่อสู้ไว้ว่า ไม่ว่าจะอาญาหรือแพ่ง ก็ปฏิเสธต่อการสอบสวนว่าไม่ได้ทำผิด ตั้งว่าจะสู้คดี จะไม่จ่าย เหมือนแบบว่าถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา อย่างที่ทางทนายความได้พูดกับผู้เสียหายบางท่าน  ประมาณว่า “อยากได้ก็เหนื่อยหน่อยนะ” ประมาณนี้แต่มากกว่านี้แหละครับ  ไม่ได้พูดกับผมนะ แต่พูดกับผู้เสียหายท่านอื่น แล้วเขามาเล่าให้ฟังว่า อาจจะแค่เปรยๆ ให้รู้ว่าเราถ้าอยากได้เงินชดใช้ ก็เหนื่อยหน่อย นานหน่อยหรือบางคนอาจจะตายไปก่อนก็ได้ 

 

@@ ถ้าอย่างนั้นในระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา ญาติหรือครอบครัวของ 9 ผู้สูญเสีย ทุกคนยังอยู่ครบมั้ยครับ ?

พ่อ : ก็มีพ่อของน้องตรองที่เสียไปจาก หลังจากที่เสียน้องตองไปเขาก็ตรอมใจ คือทุกครั้งที่ไปประชุมผู้เสียหายฟ้องคดี อาญาหรือแพ่ง คุณพ่อก็ไปด้วยแต่พูดไม่ออก ร้องไห้ตลอด  หลังจากนั้น 1 ปีก็เสียชีวิตเหลือแค่คุณแม่สู้ต่อ

 

@@ ตอนนี้มันมีคำสั่งศาลออกมาแล้วแบบนี้ โอเคไหม พอใจไหมครับ?

พ่อ : คือเราญาติๆ ก็ดีใจว่ามันจบสักที เพราว่าทางจำเลยเขาบอกมาในเอกสารว่าถ้าคดีถึงที่สุดแล้ว ทางเขาพร้อมที่จะชำระทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย เขาก็อ้างมานะครับ เราไม่ได้ไปพูดเอง ซึ่งเอกสารก็ยื่นต่อศาลขอทุเลาการบังคับคดีการจ่ายค่าธรรมเนียม รวมทั้งค่าเสียหายทั้งหมด หลังจากที่ศาลชั้นแรกพิพากษา ว่าถึงที่สุดแล้วยังไงก็ ถ้าเราชนะแล้วเราก็จะได้รับการเยียวยาจากฝ่ายจำเลย

 

@@ หลังเริ่มมีกระแสข่าวออกมาแล้ว ทางราชสกุลก็ออกมาบอกว่าขอให้ผู้ที่กระทำความผิด เมื่อศาลตัดสินแล้ว พยายามชดใช้เยียวยาตามที่ศาลตัดสิน แล้วทางที่ตัวคุณแม่ของน้องเอง ก็บอกว่าขอเวลาอีกหน่อยจะพยายามขายที่ดินให้ได้ แล้วนำเงินมาชดใช้

แม่ : พูดจริงๆ นะคะคุณต๊ะ ในฐานะของคนเป็นแม่ที่สูญเสียลูกสาว แม่พูดด้วยความจริงใจ แม่สงสารคุณแพรวา (รวินภิรมย์)  เมื่อคืนยังคุยกับพ่ออยู่เลยว่า น้องเขาจะอยู่ในสังคมยังไง สงสารพ่อแม่เขา  คือจริงๆ แล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องมา หากครอบครัวของเขาหรือน้อง กล่าวคำขอโทษสักคำกับญาติ หรือแสดงความรับผิดชอบสักนิดนึง เรื่องราวมันคงจะไม่ลามมาถึงตอนนี้ ตอนนี้ญาติทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้ ก็รู้สึกเจ็บปวด ตลอด ระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา สมมุติว่าถ้าครอบครัวหรือน้องแพรวามาขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบ เราอาจจะได้เป็นญาติพี่น้องที่ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน เพราะว่าพอเราเห็นครอบครัวทั้ง 9 ชีวิตที่เสียไปแล้วเนี่ยรู้สึกสงสารกันหมด เราก็เลยไม่ได้ทอดทิ้งกัน เรามีกลุ่มไลน์คุยกันทุกวัน มีข่าวอะไรเราก็จะส่งต่อกัน พูดจริงๆ เลยนะว่าสิ่งที่เกิดขึ้น  เกิดจากพ่อแม่เขา ถ้าเขาแสดงความรับผิดชอบตั้งแต่แรก เรื่องมันก็จะไม่ถึงวันนี้ แล้วที่คุณลัดดาวัลย์ให้ข่าว แม่ก็ไม่ได้ดูนะ แม่มาฟังย้อนหลังเมื่อคืน มันช้าไปไหม 9 ปีแล้ว มีกระแสสังคมออกมากดดัน

 

@@ ถ้าวันนี้ ทางฝั่งครอบครัวแพรวาจะนัดเจอ กราบขอขมา กล่าวขอโทษอย่างจริงใจ ยังพร้อมจะให้อภัยไหม        

แม่ : แม่ให้อภัยค่ะ แต่จะมากราบขอโทษอะไรตอนนี้มันไม่ต้องแล้ว แต่แม่ให้อภัยจริงๆ อโหสิให้ ญาติๆทุกคนก็ไม่ได้ติดอะไร เพียงแต่ สิ่งเดียวที่ญาติติดเลยคือ เขาไม่ได้รับความยุติธรรมค่ะคุณต๊ะ กว่า 9 ปีที่ต่อสู้กันมาบางคนอยู่ไกลถึงภูเก็ต เชียงใหม่ ลำปาง ยังไม่ได้รับสักบาทเดียว มันก็เจ็บปวดนะ คือทุกครั้งที่เราจะต้องขึ้นศาล หรือทุกครั้งที่เราต้องเจอกัน เราสะเทือนใจ ย้อนกลับมาคิดถึงเหตุการณ์เก่า อย่างคุณแม่เอง ลูกเสียวันที่ 27 ธันวาคม มันเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ จริงๆ นะคุณต๊ะ วันตายลูกเราลืมวันนั้นไม่ได้นะ เอาลูกเราไปช่วงปีใหม่ ตัวเรานอนเฝ้าศพลูก แต่คนอื่นมีความสุข  ความรู้สึกเป็นแบบนี้ทุกปี มันเป็นช่วงเทศกาลทีทรมานที่สุดสำหรับแม่ เวลาใกล้ถึงวันที่ 27 ธันวาในกลุ่มไลน์ทุกคนก็จะถามกันว่า ใครไปทำบุญที่ไหน ใคร อยู่วัดไหน มันเป็นแบบนี้ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา (ร้องให้)

 

ครอบครัวเหยื่อแพรวา เปิดใจ

 

@@ ให้กำลังใจนะครับ ผมก็ไม่อยากให้เศร้า ขอถามอีกนิด 9 ปีที่ผ่านมาเคยจดอะไรบ้างไหมว่าต้องต่อสู้คดี ไปขึ้นศาลกี่ครั้ง หมดเงินไปเท่าไหร่ ถ้าได้เงินมามันเพียงพอไหมกับหนึ่งชีวิตที่สูญหายไป เพียงพอไหมกับเวลาที่เราเสียไป ?

แม่ : ไม่ได้จดเลยค่ะ คือเราไม่คิดตรงจุดนี้เลย

พ่อ : คือเราเดินทางมา เรื่องคดีไม่ว่าจะประชุมผู้เสียหายที่ธรรมศาสตร์ เดินทางไปศาล เบิกความทั้งอาญาทั้งแพ่งหลายๆ ครั้ง เราไม่ได้จด ส่วนคุ้มไม่คุ้มเนี่ยเราไม่คิดถึงตรงนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อเรารอทั้งๆ ที่อีกฝ่ายจะเข้ามาช่วยเหลือ เยียวยาเราเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะว่ามันเรื่องที่ทำได้ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา แต่กลับกลายเป็นเขาเลือกที่จะสู้ เลือกที่จะปฏิเสธ หาโอกาสที่จะชนะคดี ต้องให้คดีถึงที่สุดเขาถึงจะจ่าย เราก็หวังแค่ว่าศาลให้เท่าไหร่ พิพากษาเท่าไหร่เราก็ยอมรับครับ ไหนๆ ก็พูดละ เงินห้าแสนบาทที่เขาเสนอให้เราไ,jต้องการ ขอแค่ที่ศาลให้

 

@@ มีโอกาสได้ไปเยี่ยมคุณแม่ด็อกเตอร์เป็ด (ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง)  บ้างไหมครับ?

แม่ : ได้คุยกันค่ะ คุณแม่ ดร.เป็ดน่าสงสารมาก บางวันคุณแม่กลับมาจากขายพวงมาลัย ก็จะโทรหาคุณแม่บอกคุณอ้อยวันนี้ฉันเหนื่อย ท้อ บางทีก็บอกว่าไม่อยากสู้ต่อละ ไม่เอาแล้ว

 

@@ แต่ก็ท้อไม่ได้ ถ้าท้อก็จะเป็นกรณีตัวอย่างให้คนอื่นเห็น ต่อไปเวลามีคนทำผิด เขาก็จะไม่รีบยอมรับ เพราะฉะนั้นขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ในวันนี้เราชนะแล้ว แล้วก็สังคมพร้อมหนุนหลัง ผมเชื่อว่าคนเราจะได้รับผลตอบแทนกับสิ่งที่ตัวเองทำ 

แม่ : แม่ขอฝากด้วยค่ะว่า ในนามของตัวแทนญาติผู้เสียชัวิตทุกคนที่ยืนหยัดต่อสู้กันมา คุณแม่บอกน้องนักข่าวที่ไปรับเมื่อเช้าว่า ไม่อยากออกสื่อ ไม่อยากออกข่าว แต่พ่อกับแม่ยังไงก็ต้องต่อสู้ เพื่อญาติอีก 8 คน ที่ร่วมต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน สิ่งเดียวที่เราต้องการคือ ขอความยุติธรรมให้เราแค่นั้นเอง เรื่องอื่นๆ ญาติไม่เคยคาดหวังเลย ที่เราอยู่ได้เพราะกลุ่มญาติ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะให้กำลังใจกัน  9 ปีผ่านมาวันนี้ถ้าครอบครัวแพรวาแสดงน้ำใจกับเรา มันจะไม่ยึดยาวจนถึงขั้นนี้ แม่ให้อภัย แม้วันนี้แม่ก็ยังจะบอกให้อภัยเขา สำหรับเงินห้าแสนที่ราชสกุลให้มาเราก็ขอขอบคุณจริงๆ แต่ว่าเราขอฝากให้ครอบครัวแพรวาให้รวบรวมเงิน ชดใช้ญาติคนอื่นๆ  ถึงวันนี้คำขอโทษหรืออะไรคุณแม่ คิดว่ามันไม่ต้องละ ให้ได้ดูแลญาติๆ เขาบ้าง เขาลำบากจริงๆ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ