ข่าว

แฉกลโกง เครือข่ายนายพลหลอกกินค่าหัวคิว เหยื่อสูญกว่า 10 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชัยภูมิ - คมข่าวทั่วไทย

 

               หลังเกิดกรณีมีข่าวการร้องเรียนว่ามีนายพลเกษียณนายหนึ่ง เคยเป็นถึงที่ปรึกษาแม่ทัพภาคอยู่เบื้องหลัง หากินกับการหลอกลวงโลกต่อผู้ประกอบการ ว่าสามารถจัดหาโรงเรียนให้มาซื้อหลอดไฟประหยัดพลังงาน LED ของจากผู้ประกอบการได้ แต่ต้องหักค่าหัวคิวให้นายพลคนนี้ส่วนหนึ่ง จนมีผู้ประกอบการค้าครุภัณฑ์หลงเชื่อว่ามีโครงการของรัฐ มีงบประมาณที่ทำให้โรงเรียนซื้ออุปกรณ์กับบริษัทได้โดยไม่ต้องจัดการประกวดราคา ซึ่งมีเครือข่ายนายหน้าอีกคนที่สนิทกับผู้อำนวยการโรงเรียนจะไปติดต่อโรงเรียน อ้างว่ามีโครงการฟรี มีงบประมาณจะหาอุปกรณ์ที่จำเป็นมาให้โรงเรียน เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานในโรงเรียน

 

 

 

               จนนำไปสู่นายหน้าจะนัดหมายให้ ผอ.โรงเรียนหลายแห่งพร้อมกัน มาพบกับผู้ประกอบการไม่กี่ราย เพื่อทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง เมื่อเซ็นสัญญาเสร็จฝ่ายผู้ประกอบการก็ส่งสินค้าไปให้โดยต้องจ่ายเงินหักค่าหัวคิวเข้ากระเป๋านายพลคนนี้ แต่ปัญหาเกิดเมื่อโรงเรียนไม่มีเงินจ่ายค่าสินค้าให้ผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการจึงออกมาร้องเรียนต่อกรณีนี้เกิดขึ้น และมีการตรวจสอบไปที่โรงเรียนหลายแห่งใน จ.ชัยภูมิ ที่ได้หลอดไฟประหยัดพลังงานมาแต่จนปัจจุบันไม่ได้ใช้ของ และผู้ประกอบการเองก็ถูกหลอก ยังไม่ได้ค่าของคืนอีกจำนวนมากอีกกว่า 10 ล้านบาท 

               เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีตัวแทนคณะครูผู้บริหารจากโรงเรียนในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ทั้งสังกัด สำนักงานการมัธยมศึกษาจังหวัดชัยภูมิ เขต 30 สำนักงานการประถมศึกษา เขต 1 และสำนักงานการประถมศึกษา เขต 2 อีกนับหลายร้อยแห่ง

               นำโดยนายสังคม เลิศขามป้อม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเมืองกลางวิทยา อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ เดินทางเพื่อเข้าพบยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อ นายสานิตย์ พลศรี ประธานคณะกรรมการพิทักษ์สวัสดิภาพครูไทยจังหวัดชัยภูมิ ที่สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคากรทางการศึกษาจังหวัดชัยภูมิ ต่อกรณีที่เกิดขึ้น

               โดยนายสังคม ระบุว่า ทางคณะครูผู้บริหารโรงเรียนตนเอง รวม 11 คน เป็นกลุ่มบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากโครงการลวงโลกเครือข่ายนายพลครั้งนี้เกิดขึ้นด้วย จากกรณีการรับบริจาคหลอดไฟประหยัดพลังงาน LED ในระหว่างต้นปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งมีกระแสข่าวแจ้งบอกต่อกันมาให้ผู้บริหารและคณะครูไปรับบริจาคหลอดไฟ LED ซึ่งครั้งนั้นกระแสข่าวแจ้งมาว่า จะมีผู้มีจิตศรัทธาจัดซื้อหลอดไฟ LED มาบริจาคให้โรงเรียน

               ในการนี้ตนและคณะครู ผู้บริหารไปรับหลอดไฟนั้น เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลต้องการให้หน่วยงานภาครัฐประหยัดกระแสไฟฟ้า และเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลจึงได้พากันรับสิ่งของดังกล่าวมา และคณะครูเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนและส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพของนักเรียนเป็นสำคัญ

               แต่ภายหลังได้ทราบว่า ได้มีผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่กองปราบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และล่าสุดทราบข่าวมาว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีหนังสือแจ้งประชาสัมพันธ์ ให้โรงเรียนต่างๆปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้

               ตนและคณะครูที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย จึงได้ขอร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อกรณีถูกหลอกให้หลงเชื่อถูกลวงโลกครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เพื่อให้องค์พิทักษ์สวัสดิภาพครูไทยจังหวัดชัยภูมิ และสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคากรทางการศึกษาจังหวัดชัยภูมิ เร่งหาแนวทางช่วยเหลือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

               ซึ่งขณะนี้ในส่วนของโรงเรียนเอง มีหลอดไฟ LED ถูกตั้งทิ้งไว้มานานกว่า 1 ปี แล้วซึ่งก็ยังไม่มีใครกล้านำไปใช้แต่อย่างใด ด้านข้างกล่องมีสติ๊กเกอร์ เขียนไว้ว่า เป็นหลอดไฟ รุ่นLED T8 กำลังไฟ 18 วัตต์ พร้อมด้วยรางสำหรับติดตั้งหลอดไฟ จำนวน 310 ชุด ซึ่งหลอดไฟชุดนี้ได้มาจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหน่วยงานรัฐ เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2561 แต่ที่ไม่ได้ใช้งาน เพราะเป็นไปตามคำสั่ง ห้ามใช้ของหลังจากรับมาแล้ว ประมาณ 1 เดือนทางสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ได้เชิญประชุมเพื่อแจ้งว่าหลอดไฟที่รับมอบมา อย่าเพิ่งนำมาใช้ เพราะอาจจะมีปัญหาให้เก็บไว้ พร้อมส่งคืนก่อน จนมีผู้ประกอบการออกมาร้องเรียนว่าเกิดปัญหาจริงๆตามมาในครั้งนี้

 

 

 

               จากกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.2561 ที่ผ่านมา ได้มีผู้อำนวยการโรงเรียนกว่า 100  แห่ง ในเขตพื้นที่การประถมศึกษาเขต 1 และเขต 2 รวมทั้ง เขต สพม.เขต 30 ชัยภูมิ ได้รับเชิญให้เข้าประชุม และเข้าร่วมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหน่วยงานรัฐ ที่หอประชุมรวมใจครู ชัยภูมิ หลังจากนั้นผู้อำนวยการโรงเรียน อย่างน้อย 30 แห่งตกลงทำสัญญาจัดซื้อหลอดไฟ แอลอีดี 310 ชุด ชุดละ 1,500 บาท จำนวนเงิน 499,50 บาท

               จนเวลาผ่านไปประมาณ 2 เดือน โรงเรียนกว่า 100 แห่ง ที่ทำสัญญาจัดซื้อหลอดไฟแอลอีดี ได้รับมอบสินค้า หลังจากกการมอบสินค้าผ่านไป แต่ผ่านมาเกือบ 1 ปี ก็พบว่ามีผู้ประกอบการขายสินค้า ยังไม่ได้รับเงิน จากการขายหลอดไฟแอลอีดีให้โรงเรียนทั้งหมด ที่ล่าสุดได้ออกมาโอดควรว่าถูกหลอกจ่ายหัวคิวให้กับเครือข่ายนายพลรายหนึ่ง ผู้ประกอบการเองก็ส่งสินค้าให้กับโรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิตามคำเชิญของนายหน้า ซึ่งเป็นอดีตนายทหารยศนายพลอ้างว่า มีงบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์ต่าง ๆ ให้กับโรงเรียนทั่วภาคอีสาน แต่หากจะเข้าร่วมโครงการ ต้องจ่ายค่าจองสิทธิ์

               แรกๆยังไม่ได้ให้เอกสารมา แต่ตอนหลังถึงรับดำเนินการ แต่จากนั้นให้ผู้ประกอบการโอนเงิน 30 โรงเรียนแรก จำนวน 300,000 บาทไปให้ เมื่อมีการได้สัญญาจากโรงเรียนแล้วจะต้องจ่ายค่าดำเนินการ พร้อมทั้งส่งสินค้าไปยังไปโรงเรียนกว่า 100 แห่งในจังหวัดชัยภูมิ รวมเป็นเงินทั้งหมดที่บริษัทต้องจ่ายให้เครือข่ายดังกล่าวกว่า 10 ล้านบาท กลายเป็นโครงการถูกหลอกลวงโลกครั้งนี้เกิดขึ้น

               ล่าสุดทางสำนักงานคณะการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกระทรวงศึกษาธิการ เองแจ้งว่า ไม่เคยมีงบประมาณตามที่ถูกกล่าวอ้าง และหาก เป็นโครงการจัดซื้อ จะไม่มีคนกลาง หรือนายหน้า เช่นเดียวกับกรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน มีหนังสือ ชี้แจงว่าไม่มีผู้ประกอบการ เบิกงบประมาณครั้งนี้แต่อย่างใด

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ