ข่าว

ดีเอสไอรับคดีกะเหรี่ยงบิลลี่ งานยาก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ดีเอสไอ ส่งสายแฝงตัวหาหลักฐานคดีกะเหรี่ยงบิลลี่ ยอมรับเป็นงานยาก ทั้งสภาพพื้นที่-พยานบุคคลหวาดกลัวให้ข้อมูล คราบเลือดในรถตรวจไม่พบดีเอ็นเอ

 

          วันที่ 10 ก.ค. 63 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดี (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการหายตัวของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือกะเหรี่ยงบิลลี่ แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง จ.เพชรบุรี ว่า ภายหลังคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติให้โอนคดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยายามสืบหาข้อมูลพยานหลักฐานมาตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจหรือดึงคดีให้ล่าช้า แต่การแสวงหาพยานหลักฐานทำได้ยาก เพราะการหายตัวผ่านไปหลายปี คดีจึงถูกโอนมาให้ดีเอสไอ ขณะที่หลักฐานจากการตรวจสอบรถยนต์ของอุทยานฯ 1 คัน ซึ่งพบร่องรอยคราบเลือดภายในห้องโดยสารนั้น เมื่อนำไปตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอว่าตรงกับบิลลี่หรือไม่ ก็ไม่ปรากฏข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลตรวจทราบเพียงว่า เป็นเลือดมนุษย์ไม่ใช่เลือดสัตว์

 

          “ดีเอสไอไม่หยุดความพยายาม ได้สืบค้นพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง สอบคำให้การของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุไปแล้ว ทุกคนให้การไปในทิศทางเดียว ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนมาก ยอมรับว่าคดีนี้การหาพยานหลักฐานค่อนข้างยาก ทั้งจากสภาพพื้นที่ที่เป็นภูเขาและหน้าผาสูง และการสอบปากคำชาวบ้านที่มีความวิตกกังวลและกลัวในหลายเรื่อง แต่ยืนยันว่าดีเอสไอกำลังหาพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ชุดแฝงตัวเก็บข้อมูลจะได้รับความเดือดร้อน" พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าว


          สำหรับปัญหาการละเมิดสิทธิชาวกระเหรี่ยง ทำให้ป่าแก่งกระจาน ของไทยไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยเฉพาะกรณีการหายตัวของนายพอละจี หรือกะเหรี่ยงบิลลี่ แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.57 ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯควบคุมตัวในความผิดเก็บของป่า ภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน.
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ