บก.น.3 ส่งตำรวจดูแลความปลอดภัย "จ่านิว" ตลอด 24 ชม. เผยสอบพยาน 4-5 ปากให้การตรงกัน และตรวจกล้องวงจรปิดไปแล้วกว่า 20 ตัว
จากกรณีคดีคนร้ายชายฉกรรจ์ 4 คน รุมทำร้าย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยรามอินทรา109 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2562 ที่กองกำกับการสืบสวน กองบังคับตำรวจนครบาล 3 (กก.สส.บก.น.3) มีรายงานข่าวจากทางพนักงานสอบสวน ทีมคลี่คลายคดีคนร้ายทำร้ายร่างกายนายสิรวิชญ์ จนได้รับบาดเจ็บว่า ได้มีการสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมไปถึงนายสิรวิชญ์ รวมแล้ว 4-5 ปาก ซึ่งได้ข้อมูลมากพอสมควร โดยให้การไปในทิศทางเดียวกัน และตรงกันถึงรูปพรรณของคนร้าย ว่ามีการแต่งกายมิดชิด รูปร่างสันทัด แต่ยังไม่มีการยืนยันว่า อาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธชนิดใด และวันนี้จะหาพยานในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำเพิ่ม
ส่วนการสอบปากคำนายสิรวิชญ์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม เจ้าตัวเชื่อว่ามูลเหตุของการถูกทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ เกิดจากการออกมาแสดงออกทางการเมือง แต่ก็ยังไม่ทราบตัวบุคคลและอาวุธที่ใช้ก่อเหตุที่ชัดเจน ซึ่งพนักงานสอบสวนสิ้นข้อสงสัยในประเด็นที่จะสอบปากคำนายสิรวิชญ์แล้ว
นอกจากนี้นายสิรวิชญ์ ยังได้ยืนยันว่า สาเหตุของการถูกทำร้ายไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินกู้นอกระบบ เพราะนายสิรวิชญ์ไม่มีหนี้สิน และพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว 8 ปี ซึ่งหนี้ของพ่อที่ได้ยืมจากคนรู้จักเมื่อนานมาแล้ว ได้มีการชดใช้คืนกันไปเรียบร้อยแล้ว จากการสอบปากคำตำรวจเชื่อว่า ไม่เกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ และหนึ่งในคนร้ายไม่ได้เป็นลูกน้องนักการเมืองตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ในเวลา 14.00 น. น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ มารดานายสิรวิชญ์ จะเดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยเร่งรัดคดีสืบหาตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมาย
ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยให้นายสิรวิชญ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พญาไท ดูแลตลอด 24 ชม. เพื่อความอุ่นใจของครอบครัวนายสิรวิชญ์
รายงานข่าวยังแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า ทีมสืบสวนคลี่คลายคดี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย ขณะนี้ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปแล้วกว่า 20 ตัว ซึ่งได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในพื้นที่ใกล้เคียงย่านวิภาวดีแล้ว โดยตลอดเส้นทางที่กล้องสามารถจับภาพได้นั้น ยังไม่เห็นใบหน้าของคนร้าย เพราะมีการสวมหมวกกันน็อคเต็มไปปิดบังใบหน้า แต่ยืนยันว่าภาพที่ได้จากกล้องชัดเจน ขณะเดียวกันต้องรอยืนยันเรื่องช่วงเวลาของกล้องแต่ละตัวที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงกัน ซึ่งจะต้องนำมาเทียบเคียงเวลาให้ชัดเจนก่อน
ด้าน น.ส.พัฒน์นรี เปิดเผยถึงอาการของนายสิรวิชญ์ล่าสุดว่า ขณะนี้อาการยังทรงตัว สามารถพูดจาตอบโต้กับบุคคลรอบข้างได้ ส่วนแผลที่จมูกยังคงต้องห้ามเลือด และแผลที่ตายังต้องระบายเลือดที่คลั่ง พร้อมย้ำด้วยว่า หากนายสิรวิชญ์ ออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะรีบผลักดันให้ไปเรียนต่อปริญญาโท ที่ประเทศอินเดียทันที เพื่อป้องกันการถูกทำร้ายอีก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง