ข่าว

งัดมาตรการกฎหมาย เล่นงานอันธพาลบุกโรงหมอ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

งัดมาตรการกฎหมาย เล่นงานอันธพาลบุกโรงหมอ

ปัญหาการใช้ความรุนแรง ทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล โดยเฉพาะจากน้ำมือกลุ่มวัยรุุ่นอันธพาล ระยะหลังเกิดขึ้นบ่อยมาก นับตั้งแต่ต้นปี 62 ผ่านมายังไม่ถึง 5 เดือน เกิดเหตุการณ์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง

นอกจากเหตุการณ์เมื่อคืนวันอาทิตย์ ที่โรงพยาบาลเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จังหวัดยโสธร แล้ว จากการตรวจสอบย้อนหลังของ "ทีมข่าวเที่ยง เนชั่นทีวี" พบว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล เฉพาะที่มีแก๊งอันธพบาลตามไปเช็คบิลกันไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง รวมเป็น 5 ครั้ง คิดเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้งเลยทีเดียว ส่วนในปีก่อนๆ ก็มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องเช่นกันนอกจากนั้นยังมีเหตุที่กระทำรุนแรงต่อบุคลากรทางการแพทย์โดยตรง อย่างเมื่อปี 55 คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงศีรษะบุรุษพยาบาล โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว เสียชีวิตคาห้องฉุกเฉิน เพราะไม่พอใจที่พาภรรยามารักษา แต่บุรุษพยาบาลถามมาก ไม่ยอมเริ่มรักษา จึงชักปืนจ่อยิงจนเสียชีวิต (สะท้อนความหละหลวม ไม่มีเครื่องตรวจอาวุธก่อนเข้าโรงพยาบาล)แม้ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขจะออกมาตรการเพิ่ม 7 ข้อ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของการติดตั้งอุปกรณ์ ทั้งกล้องวงจรปิด ประตูนิรภัย การสร้างทางเข้า-ออกห้องฉุกเฉินเพิ่มเติม ซึ่งล้วนต้องใช้เวลาและงบประมาณสูงในการดำเนินการ ทำให้หลายคนถามถึงมาตรการทางกฎหมายที่เด็ดขาด เพื่อยับยั้งการกระทำอุกอาจของกลุ่มอันธพาลจากการตรวจสอบบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา พบว่าการก่อเหตุร้ายในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล ไม่ใช่ "เหตุฉกรรจ์" ที่สามารถเพิ่มโทษ หรือลงโทษบทหนักตามกฎหมายได้ แต่เรื่องนี้ก็ยังมีทางออกในการดำเนินการ โดยรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด คุณประยุทธ์ เพชรคุณ บอกกับ "เนชั่นทีวี" ว่า การบรรยายฟ้องของอัยการจะต้องดูพฤติการณ์ประกอบ ถ้าผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายคนเจ็บ หรือคนที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วในโรงพยาบาล ก็อาจตั้งข้อหาพยายามฆ่า ถ้าเข้าไปทำร้ายในเขตหวงห้ามเฉพาะสำหรับแพทย์-พยาบาลเท่านั้น ก็เข้าข่ายบุกรุก หรือร่วมกันบุกรุก หรือร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน ซึ่งมีโทษเพิ่มขึ้น มีโทษจำคุกสถานหนัก และยอมความไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากการกระทำของผู้ต้องหาทำให้เครื่องมือแพทย์พังเสียหาย ก็จะถูกตั้งข้อหาเจตนาทำให้เสียทรัพย์ เป็นความผิดทางอาญาควบแพ่ง สามารถฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหายได้ด้วยเช่นกันนี่คือมาตรการทางกฎหมายที่หน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย ทั้งตำรวจ และอัยการ สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อให้ผู้กระทำผิดเข็ดหลาบ และคนที่คิดจะกระทำ จะได้ฉุกคิดและหยุดยั้งการกระทำ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ