จลาจลระบายแค้นถล่มโบสถ์วันอีสเตอร์-มุสลิมศรีลังกาดับรายแรก

รัฐบาลศรีลังกาผ่อนมาตรการเคอร์ฟิว ที่ประกาศใช้ทั่วประเทศเมื่อคืนวันจันทร์ ( 13 พ.ค.) ยกเว้นจังหวัดเหนือ-ตะวันตก ที่ยังใช้เคอร์ฟิวอย่างไม่มีกำหนด หลังเกิดเหตุจลาจลรุนแรงพุ่งเป้าชาวมุสลิม ก่อความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน
 

 

 

 

 

ฝูงชนกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ เขตพุตตาลาม และใช้มีดฟันชายวัย 43 ปี บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่ร้านค้าหลายสิบแห่งที่มุสลิมเป็นเจ้าของ ก็ถูกม็อบจุดไฟเผา บ้านเรือนและมัสยิดได้รับความเสียหาย  

 

 

ทหารได้รับคำสั่งสนับสนุนตำรวจ และให้ใช้กำลังเต็มอัตราเพื่อควบคุมความรุนแรง  

ตำรวจกล่าวว่า ต้องยิงปืนขึ้นฟ้าและยิงแก๊สน้ำตาในหลายสถานที่ เพื่อป้องกันฝูงชนพยายามบุกทำลายมัสยิด 

 

 

ที่เขตกัมปาฮา ซึ่งอยู่ติดกัน ม็อบบุกทำลายร้านอาหารที่ชาวมุสลิมเป็นเจ้าของ และโรงงานเย็บผ้าอย่างหนึ่ง 1 แห่ง 

นายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ออกทีวีปราศรัยเมื่อคืน ถึงความจำเป็นที่ต้องประกาศมาตรการเคอร์ฟิว และระบุด้วยว่าความไม่สงบ อาจเป็นอุปสรรคการสอบสวนเหตุระเบิดแบบฆ่าตัวตายโจมตีโบสถฺ 3 แห่ง และโรงแรมหรูอีก 3 แห่งเมื่อวันอีสเตอร์ 21 เมษายน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 258 คน บาดเจ็บอีกเกือบ 500 

เหตุจลาจลเกิดขึ้นในเดือนรอมฎอน ที่ชาวมุสลิมกำลังถือศีลอด  ระลอกแรกเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ม็อบพุ่งเป้าร้านค้าของชาวมุสลิมในเมืองชิลอว์ ห่างจากกรุงโคลัมโบ ไปทางเหนือ 80 ก.ม. อ้างว่าไม่พอใจกับการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กของเจ้าของร้านรายหนึ่ง 

 

 

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตกล่าว่าไดรับคำสั่งจากหน่วยงานโทรคนาคม ให้บล็อกเฟซบุ๊ก วอทส์แอป ยูทูบและอินสตาแกรม เพื่อป้องกันการแพร่เนื้อหาปลุกปั่นความรุนแรง 

ศรีลังกามีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ มีผู้นับถืออิสลามราว 10% คริสต์ 7.6%