ข่าว

'จ.ม.ลาตาย'..กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว!?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...  ทีมข่าวอาชญากรรม

 



          ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาพบมีข่าวการฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่อาจมีสาเหตุจากโรคซึมเศร้า ทั้งปัญหาชีวิต ความรัก และหนี้สิน รวมถึงโรคประจำตัว มีทั้งนักศึกษา นักธุรกิจ ข้าราชการ อาชีพชั้นนำต่างๆ นานา พากันตัดสินใจคิดสั้นหนีปัญหา เลือกจบชีวิตด้วยวิธีการ “รมควัน” ซึ่งการคิดสั้นหลายต่อหลายชีวิตที่ผ่านมา เหมือนเป็นแค่การจบปัญหาชีวิตธรรมดาทั่วไปแบบไม่มีเงื่อนงำ ไม่ถึงขั้นที่ต้องตามต่อหรือขุดคุ้ยถึงสาเหตุว่า ทำไมจึงเลือกตัดสินใจเช่นนี้

 

 

          ทว่าการรมควันฆ่าตัวตายล่าสุดซึ่งมีการพบศพ นายไพวัลย์ แซ่ลี้ เมื่อช่วงสายวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ภายในห้องเลขที่ 207 ของอาคารพักอาศัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ โดยเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน และเจ้าหน้าที่พบสมุดเขียน “จดหมายลาตาย” รวม 2 ฉบับ ทำให้การตายของ นายไพวัลย์ ไม่ใช่การรมควันฆ่าตัวตายจบปัญหาทั่วไปเหมือนกับรายก่อนๆ ที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะกลิ่นเน่าเหม็นจากศพที่ขึ้นอืดย่านสมุทรปราการ ลอยคลุ้งไกลไปกระเทือนถึงการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของตำรวจนครบาล 

 

 

 

'จ.ม.ลาตาย'..กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว!?

 


          โดยเฉพาะจดหมายสั่งเสียฉบับแรกมีข้อความเขียนด้วยลายมือขอความเป็นธรรมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า ได้นำรถกระบะมาสด้า บีที 50 โปร ทะเบียน 6723 ร้อยเอ็ด สีบรอนซ์เทา ไปจำนำไว้ตั้งแต่ 15 มกราคม 2561 กระทั่งวันที่ 23 มกราคม 2561 ได้ติดต่อคนที่รับจำนำ แต่ไม่สามารถติดต่อไถ่ถอนคืนกลับมาได้ จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โชคชัย และ พ.ต.ท.ประทวน แมลงทับ สารวัตร(สอบสวน) สน.โชคชัย ได้เรียกเงิน 3,000 กับค่าสืบอีก 2,000 บาท ผ่านมา 7 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ ที่จะจับกุมผู้กระทำความผิด และติดตามรถกลับมาได้เลย จึงขอความเป็นธรรมจากท่านนายกฯ ผู้ที่รักษาซึ่งกฎหมายและความยุติธรรม ขอให้ท่านติดตามความคืบหน้า เร่งรัดคดีให้ด้วย

 



          จากจดหมายลาตายฉบับนี้ส่งผลให้โลกออนไลน์เผยแพร่แชร์ต่อจำนวนมาก รวมถึงสังคมก็วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของตำรวจ เพราะอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นายไพวัลย์ตัดสินใจคิดสั้น ความกดดันจึงตกอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะต้องออกมาตอบคำถามสังคม เนื่องจากข้อความของคนตายบนจดหมายสั่งเสียไม่ต่างอะไรกับการ “ขูดเลือดกับปู” ซ้ำเติมประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก

 

 

'จ.ม.ลาตาย'..กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว!?

 


          เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ที่ผ่านมาแม่ทัพสีกากีอย่าง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับและสั่งการมาโดยตลอด ว่า ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจหน้าที่ประพฤติผิดในทางมิชอบ แสวงหา หรือปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการเหลื่อมล้ำกับกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานด้วยความสุจริต ยุติธรรม ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย และยังมีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วนให้ผู้บังคับบัญชาควบคุม เสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการกวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด

 

 

 

'จ.ม.ลาตาย'..กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว!?

พ.ต.ท.ประทวน แมลงทับ


          ดูเหมือนจดหมายลาตายของนายไพวัลย์ในครั้งนี้ อาจจะกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” เพราะทันทีที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลาย ตำรวจเองก็อยู่เฉยไม่ได้ ต้องทำความจริงให้กระจ่างชัด ทั้งเรื่องการสั่งย้ายนายตำรวจที่ถูกพาดพิง ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และอาจถูกขยายผลจากคดียักยอกทรัพย์ที่ผู้ตายแจ้งความไว้ไปถึงขบวนการรับจำนำรถ ซึ่งอาจเป็นแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ รวมไปถึงการ “ขันนอต” พนักงานสอบสวน 


          พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. อธิบายถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 ว่า ทาง บก.น.4 ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนตามที่ถูกกล่าวอ้างมาประจำอยู่ที่ ศปก.บก.น.4 แล้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเบื้องต้นที่ได้รับรายงาน ยอมรับว่า สำนวนการสอบสวนค่อนข้างล่าช้า และไม่มีการเสนอรายงานต่อผู้บังคับบัญชา ส่วนที่มีกล่าวอ้างว่าเสียเงินเรื่องทำสำนวนนั้น ได้สั่งการให้ทางบก.น.4 เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและใกล้ชิดผู้เสียหายมาสอบปากคำประกอบการพิจารณาอีกครั้ง

 

 

'จ.ม.ลาตาย'..กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว!?

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น

 


          “การเรียกร้องเงินนั้น ขอยืนยันว่า พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจและไม่สามารถที่จะทำได้อยู่แล้ว จึงสั่งการให้ ผบก.น.4 เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่ใกล้ชิดผู้ตายมาสอบสวน ซึ่งในด้านเกี่ยวกับวินัยที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนเรื่องคดีที่ผู้ตายแจ้งความไว้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว บางคนก็มีหมายจับอยู่ ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ รวมถึงเร่งจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะเกี่ยวกับขบวนการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดหรือไม่ ต้องดูว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวน” ผบ.ช.น. ระบุ


          ทันทีที่เรื่องถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูงจึงมีคำสั่งให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในคดีนี้ใหม่ โดยให้อยู่ในความรับผิดชอบของหัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมดำเนินการทางวินัยต่อ พ.ต.ท.ประทวน หลังพบความบกพร่องจากการทำคดีล่าช้า และไม่แจ้งความคืบหน้าคดีผลการดำเนินคดีต่อผู้เสียหาย โดยสั่งย้ายไปช่วยราชการที่ ศปก.บก.น.4 จนกว่าจะสอบสวนเสร็จสิ้นภายใน 7 วัน

 

 

 

'จ.ม.ลาตาย'..กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว!?

 


          ขณะที่ พ.ต.ท.ประทวน นายตำรวจที่ถูกพาดพิงผ่านจดหมายลาตาย ยืนยันว่า ไม่ได้รับสินบนตามที่ถูกกล่าว ยอมรับว่าตนเป็นผู้ทำคดีดังกล่าวจริง ทำอย่างตรงไปตรงมาแต่ไม่ได้แจ้งความคืบหน้าให้ผู้ตายทราบว่าสามารถจับคนร้ายที่ยักยอกทรัพย์ได้แล้ว 1 ราย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็รู้สึกเสียใจ เพราะทั้งชีวิตไม่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน แต่จะทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด


          ทั้งนี้มีรายงานว่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 นายไพวัลย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ประทวน เพื่อให้ติดตามรถกระบะ ซึ่งได้จำนำกับนายแดง ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง โดยมอบรถคันดังกล่าวบริเวณเลียบทางด่วนแม็กซ์แวลู ถนนรามอินทรา แต่ไม่มีหลักฐานในการนำรถไปจำนำ จากคำให้การระบุว่า 16 มกราคม 2561 ได้นำรถคันดังกล่าวไปจำนำกับ นายชัยยุทธ ตั้งศักดิ์สุพรรณ แต่ นายชัยยุทธ ได้แนะนำให้ไปจำนำกับ นายแดง จำนวน 1.4 แสนบาท กำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ต่อมา นายไพวัลย์ ได้รวบรวมเงินเพื่อไถ่ถอนรถคืนก่อนกำหนด จึงนัดคืนรถกันในวันที่ 29 มกราคม 2561 แต่เมื่อถึงกำหนด นายแดงกลับพยายามบ่ายเบี่ยงโดยอ้างว่า ได้นำรถไปจำนำกับ นายวีรวัตร ศรีปิฎก และยังไม่สามารถติดตามรถคืนมาได้ จึงได้เข้าแจ้งความ 

 

 

 

'จ.ม.ลาตาย'..กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว!?

 


          หลังรับแจ้งความในครั้งนั้น พ.ต.ท.ประทวน ได้ประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่ปรากฏว่าไม่มีกล้องวงจรปิดบริเวณที่ให้การไว้ พอขอหลักฐานเกี่ยวกับ นายแดง เจ้าตัวกับทหารที่มาด้วยกลับระบุว่าจะติดตามหารถกันเอง จากนั้นก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย และจากการสืบสวนทราบว่ารถคันดังกล่าว เป็นรถที่แม่ยายของนายไพวัลย์ ที่อยู่ จ.ร้อยเอ็ด ได้เช่าซื้อกับบริษัทธนชาติ ซึ่งไม่มีการมอบอำนาจในการนำรถไปจำนำแต่อย่างใด ส่วนนายวีรวัตร ที่นายแดงอ้างว่านำรถไปจำนำนั้น เมื่อตรวจสอบประวัติก็พบว่า เป็นชาว จ.นนทบุรี มีหมายจับจำนวน 5 คดี คดียักยอกทรัพย์และฉ้อโกง ขณะนี้อยู่ระหว่างการหนีคดี


          ต้องรอดูบทสรุปว่าเรื่องนี้จะออกหัวหรือก้อย จดหมายลาตายจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว พอที่จะสะเทือนวงการตำรวจกับขบวนการจำนำรถนอกระบบได้ขนาดไหน...!!

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ