ข่าว

เลื่อนอ่านฎีกา "ตู่" ฟ้อง "วัชระ" หมิ่น อมเงินเสื้อแดง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"วัชระ" แจ้งเหตุติดเดินสายหาเสียงช่วยพรรค ปชป. นัดฟังฎีกาใหม่ 15 พ.ค.นี้ ทนายตู่ แย้ม 2 ฝ่ายไกล่เกลี่ยกันอาจถอนฟ้องได้ หลัง วัชระขอศาลฎีกาถอนฟ้อง "3 แกนนำนปช."

 

 

          12 มี.ค.62 - ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.30 น. ศาลมีคำสั่งเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3910/2553 ที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 54 ปี ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ และ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเมธี อมรวุฒิกุล หรือ ทัฬห์ อมรบุณยกร อายุ 48 ปี อดีตดาราแนวร่วม นปช. , บริษัท นสพ.แนวหน้า จำกัด , นายโชคชัย สุมน บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.แนวหน้า , นายวัชระ เพชรทอง อายุ 54 ปี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 46 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) , บริษัท เอ็นเอส ทีนิวส์ จำกัด , บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด และ นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ASTV ผู้จัดการรายวัน เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332 จากกรณี เมื่อวันที่ 12 ต.ค.53 นายเมธี แถลงข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ทำนองว่านายจตุพรอมเงินบริจาคของคนเสื้อแดงจำนวน 68 ล้านบาท และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงบนชายหาดเมืองพัทยา รวมทั้งกล่าวหาว่านายจตุพรโทรศัพท์ขู่ฆ่าจำเลย ส่วนจำเลยที่ 2 - 7 ซึ่งเป็นสื่อมวลชนได้เผยเเพร่คำสัมภาษณ์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง

 

          โดยคดีนี้ นายวัชระ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. จำเลยที่ 4 ได้ยื่นฎีกาสู้คดี หลังจากศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่  9 มิ.ย.59 เห็นว่า พฤติการณ์ที่ นายวัชระ นำข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่ ผ่านบทความของตัวเองใน นสพ.แนวหน้า โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรม หรือการแสดงความคิดเห็น จึงพิพากษาแก้ให้จำคุก นายวัชระ จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 2 ปี และปรับ 100,000 บาท แต่คำเบิกความจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับ 66,666 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี 

 

          ซึ่ง วันนี้ นายวัชระ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. จำเลยที่ 4 ไม่ได้มาศาล มีเพียงทนายความ ซึ่งรับมอบอำนาจมา ยื่นคำร้องขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็น ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ติดหาเสียงช่วยพรรค ปชป. ขณะที่ฝ่ายนายจตุพร โจทก์ไม่คัดค้าน

 

          ศาลพิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไป เป็นวันที่ 15 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ ล่าสุด นายจตุพร โจทก์ และ นายวัชระ จำเลย ประสงค์ที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย และอาจจะมีการยื่นขอถอนฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งมีคดีที่ นายวัชระ ยื่นฟ้องกลุ่ม 3 อดีตแกนนำ นปช. หมิ่นประมาทฯ คดีหมายเลขดำ อ.4977/2555 เรื่องการตีพิมพ์ นสพ.เกี่ยวกับนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี โดยคดีดังกล่าว นายวัชระ ได้ยื่นคำร้องชั้นฎีกาขอถอนฟ้อง 3 อดีตแกนนำ นปช. ที่ 1 ในนั้นมีนายจตุพรด้วย แต่คดียังต้องฟังคำสั่งจากศาลฎีกาก่อน 

 

          โดย นายสุภาพ เพชรศรี ทนายความของนายจตุพร โจทก์ ได้เปิดเผยว่า คดีนี้ นายจตุพรได้มีการพูดคุย และไกล่เกลี่ยกับนายวัชระ เพื่อเจรจาว่าจะถอนฟ้องกันหรือไม่ต่อไป

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 22 พ.ย.53 โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาวันที่ 30 มิ.ย.57 ให้จำคุก นายเมธี จำเลยที่ 1 ฐานหมิ่นประมาทฯ 2 ปี และปรับ 100,000 บาท แต่คำให้การเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือนและปรับ 66,666 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมให้โฆษณาคำพิพากษาย่อ ใน นสพ.ไทยรัฐ และเดลินิวส์ด้วย เป็นเวลา 3 วันโดยให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระค่าใช้จ่าย

 

          ส่วนจำเลยที่ 2-7 นั้น ศาลเห็นว่า ทางนำสืบของโจทก์ ไม่ได้แสดงว่ามีการแต่งเติมข้อความส่วนใด และก็ไม่ปรากฏว่าสมคบร่วมกับนายเมธี จำเลยที่ 1 ในการหมิ่นประมาท จึงพิพากษายกฟ้อง


          ขณะที่ นายเมธี จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ ขณะเดียวกัน นายจตุพร โจทก์ ก็ยื่นอุทธรณ์ ด้วยขอให้ศาลพิพากษาลงโทษ นายวัชระ จำเลยที่ 4 ด้วย ซึ่งคดีได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่  9 มิ.ย.59 เห็นว่า พฤติการณ์ที่ นายวัชระ นำข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่ผ่านบทความของตัวเอง ใน นสพ.แนวหน้า โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรม หรือการแสดงความคิดเห็น จึงพิพากษาแก้ให้จำคุก นายวัชระ จำเลยที่ 4 ด้วยเป็นเวลา 2 ปี และปรับ 100,000 บาท แต่คำเบิกความจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษเหลือจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ คนละ 1 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 66,666 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ส่วนจำเลยที่เหลือ ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ และผู้จำหน่าย พิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าร่วมกับนายเมธี จำเลยที่ 1 กระทำผิด.  


 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ