ศาล รธน.วินิจฉัยยื่นยุบ ทษช. 7 มี.ค.นี้ คดีมีพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงไม่ทําการไต่สวน
วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคําร้องกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคําสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ (เรื่องพิจารณาที่ 1/2562)
ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคําร้องที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เนื่องจาก มีผู้เกี่ยวข้องยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหลายราย ศาลรัฐธรรมนูญจะได้พิจารณาสั่งในวันนัดพิจารณาต่อไป
ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนําไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงไม่ทําการไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกําหนดประเด็นที่ต้องพิจารณา วินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญกําหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2560 เวลา 13.30 น. และนัดอ่านคําวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในวันเดียวกัน เวลา 15.00น.
แกนนำ ทษช. ติดตามความเคลื่อนไหวที่ศาล รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงบ่ายวันเดียวกัน บรรยากาศที่พรรคไทยรักษาชาติ แกนนำพรรคเข้ามาติดตามความคืบหน้าจากศาลรัฐธรรมนูญ อาทิ นายมิตติ ติยะไพรัช นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิม รุ่งวัฒนจินดา นายนิคม ไวยรัชพานิช จากนั้นก็ทยอยเดินทางออกไปนอกพรรค แต่ก็ยังมีแกนนำพรรค และฝ่ายกฎหมายติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ที่พรรคบางส่วน อาทิ นส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุรชัย ชินชัย ทนายความต่อสู้คดียุบพรรค และฝ่ายกฎหมายของพรรค เป็นต้น
เเต่วันนี้ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิชย์ หัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไม่ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคแต่อย่างใด
เวลา16.05น.เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญนำเอกสารนัดฟังการอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคทษช.ตามที่กกต.ยื่นคำร้องมาเเจ้งพรรคให้ไปฟังคำวินิจฉัยวันที่7มี.ค.เวลา15.00น.โดยนส.สุนีย์เป็นคนรับเอกสาร
นายสุรชัย เปิดเผยหลังจากเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญยื่นเอกสาร นัดกำหนดวันวินิจฉัยคดีของพรรคไทยรักษาชาติว่า ศาลรัฐธรรมนูญใช้มาตรา 58 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ว่าข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการวินิจฉัยคดีได้ ถือว่าสิ้นสุดแล้ว เพราะพยานเอกสารชัดเจนแล้ว
“ เมื่อท่านใช้ดุลพินิจตามมาตรา 58 ฟังข้อเท็จจริง และกฎหมายเพียงพอแล้ว ก็วินิจฉัยได้เลย คดีนี้ก็ถือว่าไม่มีการนำพยานบุคคลใดๆเข้าไต่สวนอีกแล้ว ส่วนจะยื่นเอกสารหลักฐานใดๆเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น โดยวิธีพิจารณา เมื่อศาลฯนัดวินิจฉัยแล้ว แม้เราจะยื่นเอกสาร หรือพยานใดๆเพิ่มเติมไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ แม้ตามกฎหมายจะให้ยื่นได้อย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันวินิจฉัย แต่เราเชื่อว่า เราไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องได้
ในวันที่ 7 มีนาคม คาดว่าจะมีคำตัดสิน 2 แนวทาง คือ ยกคำร้อง หรือยุบพรรคก็เป็นได้ และเมื่อคำวินิจฉัยสิ้นสุดแล้วก็ถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่สามารถยื่นคำร้อง หรืออุทธรณ์ใดๆได้อีก ซึ่งเราก็เคารพศาล”
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ที่ศาลนัดฟังคำวินิจฉัยโดยที่ไม่ไต่สวนพยาน นายสุรชัย กล่าวว่า ยืนยันว่า เราไม่มีเจตนากระทำเป็นทางลบต่อประเพณีการปกครอง และได้ชี้แจงข้อกล่าวหากรณีที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองไปแล้ว และข้อกฎหมายที่เรามาโต้แย้ง คือ ประเด็นที่ กกต. มีมติข้ามขั้นตอนกฎหมาย เราคิดว่า การชี้แจงของเราครบถ้วน ส่วนจะหักล้างข้อกล่าวหาของกกต.ได้หรือไม่นั้น เมื่อเราได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ศาลฯจะวินิจฉันอย่างไรพรรคก็ยอมรับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง