'ธนาธร' ชี้ เผด็จการอยู่ได้ด้วยการทำให้ประชาชนเกลียดกลัวกัน เพื่อเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารและปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่าง
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ม.ราชภัฏสวนดุสิต นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ลงพื้นที่พบปะนักศึกษาและประชาชนละแวกชุมชนสวนอ้อย นายธนาธร ได้ทำท่าชู3นิ้ว อันหมายถึงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ ซึ่งนักศึกษาทุกคนก็พร้อมใจกันทำตาม
นายธนาธร กล่าวว่า นิสิตนักศึกษาทุกคนถือเป็นคนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 18-25 ปี ที่เกิดมาโดยไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่โตขึ้นมาก็ต้องมาพบกับความขัดแย้งที่เราไม่ได้เกี่ยวข้อง ซึ่งคนขัดแย้งทิ้งมรดกบาปไว้ให้ โดยความขัดแย้งทางการเมือง ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไม่มีความสามารถในการแข่งขัน การเจริญเติบโตถดถอยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเราเรียนจบออกมาจะทำงานอะไร คนที่รับความซวยคือพวกเราที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง
"คนที่ต้องกำหนดอนาคต 20 ปี พวกเราต้องเป็นคนกำหนดเอง อย่ายอมให้ที่คนยึดอำนาจเข้ามากำหนดอนาคตให้เรา ต้องใช้การเลือกตั้งให้เป็นประโยชน์ เพื่อส่งเสียงคนรุ่นใหม่ให้ดังว่า เราพร้อมแล้ว คนอายุระหว่าง 18-25 ปี มี 8 ล้านเสียง คิดเป็น 1 ใน 8 ของจำนวนส.ส.ในสภา หรือ 62 ส.ส. ถือว่า มีความหมายมาก อย่าไปเชื่อว่าไม่มีความหมาย เสียงของเราเปลี่ยนประเทศไทยได้ อนาคตใหม่มุ่งมั่นที่จะเอาสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นธรรมกลับคืนมาให้สังคมไทย ใครฝันเหมือนกันให้มาร่วมลองทำกันให้ได้สักครั้ง สร้างสังคมที่เท่าเทียมเกิดให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย มาร่วมกันทำภารกิจเมื่อพ.ศ.2475 เพื่อให้ประชาธิปไตยยั่งยืนกัน ซึ่ง 86 ปี ยังทำไม่สำเร็จ ให้สำเร็จกันสักครั้ง"
นายธนาธร กล่าวถึง กรณีที่พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคแรกๆ ที่ออกมาพูดถึงการตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม แต่ตอนนี้มีหลายพรรคมาร่วมด้วย ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้วาระนโยบายสาธารณะการเมืองก้าวหน้าที่สุด ทุกพรรคกล้าพูดเรื่องของกองทัพ เรื่องของการกระจายอำนาจ ทุกพรรคพูดถึงเรื่องสวัสดิการประชาชน ทุกพรรคพูดถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพมากขึ้น
"ย้อนหลังไป 3 ปีที่แล้วแทบไม่มีใครพูดเรื่องปฏิรูปกองทัพเลย แต่วันนี้เราพูดเรื่องปฏิรูปกองทัพ ประชาชนรับได้ ดังนั้นความก้าวหน้าแบบนี้ทำให้กลุ่มคนที่ครองอำนาจเสียประโยชน์ และเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง วิธีเดียวที่มีในการที่จะสื่อสารกับประชาชนคือการทำให้ประชาชนเกลียดกลัวกัน และเป็นอาหารของเผด็จการ เพราะหากไม่มีการเกลียดกลัวกันก็ไม่มีข้ออ้างให้รัฐประหาร ไม่มีข้ออ้างในการปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่าง ดังนั้นประชาชนเกลียดกลัวกันจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญของเผด็จการ
บรรยากาศ "ธนาธร" ลงพื้นที่หาเสียงที่ ม.ราชภัฏสวนดุสิต และ ม.ราชภัฏสวนสุนันทา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง