'ชัชชาติ'ชี้ 'บิ๊กตู่' กุมอำนาจไม่ช่วยอะไรเลือกตั้ง

         วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และหนึ่งในผู้ถูกเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค ลงพื้นที่ ช่วยนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ , นายวิชาญ มีนชัยนันท์, และนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย โดยเริ่มต้นพบปะประชาชนที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์ แจกเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงเอกสารนโยบาย ก่อนขึ้นขบวนรถแห่เคลื่อนที่ไปตามเขตมีนบุรี คันนายาว บึงกุ่ม

         โดย นายชัชชาติ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ซึ่งปัญหาหลักที่พบคือปัญหาปากท้อง ผลผลิตทางการเกษตรที่ตกต่ำ และพบว่าประชาชนยังมั่นใจในผลงานที่พรรคเพื่อไทยเคยทำมา และการเลือกตั้งครั้งนี้  นโยบายของพรรคก็ยังเน้นที่จะแก้ปัญหาต่างๆ โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้เศรษฐกิจโตขึ้น เพื่อที่จะให้ทุกคนมีส่วนแบ่งมากขึ้น โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนคนตัวเล็กตัวน้อยให้มีพลัง รู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เข้าใจเทคโนโลยี เข้าใจตลาด ช่วยเกษตรให้เพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต ด้วยการให้เกษตรกรปลูกพืชผสมผสาน เพื่อเพิ่มรายได้ และใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วย     ส่วนการจัดเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยวานนี้ ตนเองได้พยายามสื่อสารว่าโลกเปลี่ยนไป คนที่จะมาเป็นรัฐบาลใหม่ต้องเป็นคนที่เข้าใจอนาคต เข้าใจประชาชน เข้าใจวิธีแก้ปัญหา คือสิ่งสำคัญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยสามารถทำได้ เพราะพรรคมีความเข้าใจประชาชน

           นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวไม่กังวลกับคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชารัฐ  ที่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะประชาชนเห็นแล้วว่าที่เศรษฐกิจไม่ดีในปัจจุบันนั้น เป็นเพราะอะไร หากไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นกระแสบวกของพรรคพลังประชารัฐ ต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่ประชาชนเห็นว่า เมื่อได้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ก็ทำให้เศรษฐกิจดี แก้ไขปัญหาปากท้องได้ สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีหลายบทบาทในเวลาเดียวกัน ส่วนตัวไม่ได้เป็นกังวล เพราะอยู่ที่ประชาชน จะมองว่าเป็นธรรมหรือไม่ หากไม่เป็นธรรมก็จะเป็นเครื่องมือบ่งบอกถึงอนาคต ว่าควรจะเลือกใคร

        นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแจกเงิน แต่ตั้งโจทย์ที่การทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น เพื่อประชาชนจะได้ส่วนแบ่งที่มากขึ้น วันนี้โลกเปลี่ยนไปมาก คนที่จะเป็นรัฐบาลใหม่ จะต้องเข้าใจอนาคต ประชาชน และวิธีการปฏิบัติ ซึ่งที่แล้วมาพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่า เรามีศักยภาพในตรงนี้

        ต่อคำถามที่ว่า คู่แข่งอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ มีทั้งอำนาจและกระแส กังวลหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า การเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา ทำให้เห็นแล้วว่า อำนาจดังกล่าวนั้น ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะการเลือกตั้งอยู่ที่ว่า ใครเข้าใจปัญหาและอนาคตมากกว่ากัน หากอำนาจเช่นนั้นดีจริง รัฐบาลทหารทุกชุดคงชนะการเลือกตั้งไปแล้ว ซึ่งส่วนตัวไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใด และไม่ได้มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นศัตรู เพราะคือการแข่งขัน จึงต้องมาแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ด้วยการเสนอทางเลือกให้ประชาชน ซึ่งประชาชนและสื่อมวลชนจะต้องช่วยกันตรวจสอบว่า เป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมหรือไม่ เพราะคนไทยไม่ชอบความอยุติธรรม ถ้ายิ่งเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม กระแสก็จะตีกลับมาให้พรรคเพื่อไทยเอง

       เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพรรคไทยรักษาชาติ ถูกยุบ จะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยมากหรือไม่ นายชัชชาติ  กล่าวว่า คิดว่าไม่ เพราะถือว่าต่างคนต่างเดิน เป็นอิสระต่อกัน นโยบายของพรรคแยกจากกัน หากเกิดอะไรขึ้นกับพรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อไทยต้องเดินหน้า ไม่หวั่นไหว ส่วนตัวไม่ได้ประเมินว่าพรรคเพื่อไทย จะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง แต่นาทีนี้ ทุกคนต้องตั้งเป้าที่จะวิ่งสู่เส้นชัย จะไปกังวลกับผลโพลที่มีหลากหลายไม่ได้

     ส่วนที่ขณะนี้พรรคอนาคตใหม่ค่อนข้างมีกระแสที่ดี นายชัชชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่มีพรรคทางเลือกใหม่ๆ ให้ประชาชน ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวมากขึ้นด้วย ถือเป็นเรื่องดี

     “ ถึงวันนี้มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม เพราะถึงเวลานี้แล้ว คงไม่มีใครที่จะฝืนการเลือกตั้งไปได้”นายชัชชาติ กล่าว

      "ชัชชาติ" ควง "พานทองแท้ " เดินตลาดหัวมุม ย่านเกษตรนวมินทร์

       ต่อมา นายชัชชาติ  ลงพื้นที่ ย่านเกษตรนวมินทร์ สำรวจการค้าตลาดหัวมุม พร้อมกับนายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย รวมถึง นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย

      โดยได้เดินทักทาย ผู้ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย พร้อมสอบถามปัญหาการค้าขายและแนวโน้มทางเศรษฐกิจ จากผู้ค้าและประชาชน

      ตลอดการเยี่ยมชมตลาด มีผู้ค้าประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก ส่วนหนึ่งให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสกลับมาทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายบริหาร เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

        นายชัชชาติ เลือกซื้อ หมวกนิรภัย ที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือมก.ซึ่งทำโดยฝีมือคนไทย เป็นงานภายในประเทศ ราคาใบละ 550 บาท โดยเห็นว่างานดังกล่าวควรพัฒนาและสนับสนุน ให้เป็นแบรนด์ของคนไทย สอดคล้องกับ การขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะเรื่อง"ไทยทำ" ทั้งหมดจะมีผลช่วยเรื่องระบบแรงงานในประเทศให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น

        นายชัชชาติ  ยังเห็นว่าสินค้าที่เกิดขึ้นจากฝีมือคนไทยยังมีจุดอ่อนที่การพัฒนาแบรนด์ให้เข้มแข็ง ซึ่งจุดอ่อนดังกล่าวรัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งนี้เห็นว่าแบรนด์ไทยไม่จำเป็นต้องโด่งดังในระดับโลก แต่อาจเป็นแบรนด์ที่ต้องใช้ทุกวัน พัฒนาให้เกิดมูลค่า ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างงานและขยายโอกาส ในการจำหน่ายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และมองเห็นช่องว่างระหว่าง ผู้ค้าปลายทาง และผู้ผลิต ซึ่งทำให้เกิดส่วนต่างมากขึ้น ปัญหาดังกล่าวเป็นจุดที่พรรคเพื่อไทยต้องเข้าไปแก้ไข โดยเฉพาะการทำให้ผู้ผลิตและผู้ค้า มีความใกล้ขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาคือผู้ค้าปลายทางจะได้ราคาสูงขึ้นตามไปด้ว