พบบริษัทใช้ข้าวรัฐผลิตสารปรับปรุงดินผิดวิธี

               พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบติดตามและกำกับดูแลการระบายข้าวในสต็อกของรัฐเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน พร้อม พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และคณะ ลงพื้นที่ บริษัท วีออร์แกนนิก จำกัด ตำบลคณฑี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร บริษัท เพียรฝันฟาร์ม จำกัด ตำบลคณฑี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร และท่าข้าวรัตนภัณฑ์ ตำบลท่ามะเขือ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร

 

 

               พร้อมกันนี้ยังได้ประชุมหารือร่วมกับ นายธานี ธัญญาโภชน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามสัญญาการซื้อขายข้าวในสต็อกของรัฐ

 

 

               พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นการตรวจสอบบริษัทผู้ประมูลข้าวว่า ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนและใช้วิธีการผลิตที่ไม่ถูกต้องคือ ไม่มีการบดข้าวก่อนนำไปทำสารปรับปรุงบำรุงดิน ดังนั้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายและตรวจสอบหาข้อเท็จจริง จึงสั่งให้บริษัทยุติการดำเนินการทั้งหมดก่อน ซึ่งหลังจากนี้ทาง อคส. จะนำข้อมูลที่ได้ส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 

               โดยกรมวิชาการเกษตรพิจารณาแล้ว ขอเรียนชี้แจงประเด็นข้าวสารที่ผสมคาร์บอนอินทรีย์โดยไม่ผสมกับวัตถุดิบอื่น และไม่ผ่านกระบวนการผลิตอื่นไม่สามารถนำมาจัดทำเป็นสารปรับปรุงดินได้ และไม่มีความเหมาะสมที่จะนำมาทำเป็นสารปรับปรุงดิน เพราะข้าวสารมีแป้งเป็นองค์ประกอบอยู่ประมาณร้อยละ 80 ถึง 90 ของน้ำหนักแห้ง โครงสร้างประกอบด้วยคาร์บอนและไฮโดรเจนเป็นหลัก มีปริมาณธาตุพืชชนิดต่างๆ น้อยมาก โดยเฉพาะธาตุไนโตรเจน ทำให้สัดส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน สูงหรือกว้าง เมื่อนำเข้าสารผสมผงคาร์บอนอินทรีย์ใส่ในดินโดยตรง โดยไม่ผสมกับวัตถุดิบอื่นและไม่ผ่านกระบวนการผลิตอื่น ก็จะเกิดการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ที่อยู่ในดิน ขณะที่จุลินทรีย์เพิ่มจำนวนมากขึ้นจำเป็นต้องใช้ไนโตรเจนมากขึ้นเช่นกัน แต่ไนโตรเจนในข้าวสารที่ผสมผงคาร์บอนอินทรีย์ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต จุลินทรีย์ต้องไปดึงไนโตรเจนในดินมาใช้ ส่งผลทำให้พืชไม่สามารถใช้ไนโตรเจนเพื่อการเจริญเติบโตได้ และข้าวสารที่ผสมคาร์บอนอินทรีย์ไม่ช่วยในการปรับปรุงดินโดยตรง

 

 

               นายวิชัย ใจวิสุทธ์หรรษา เจ้าของ บริษัท วีออร์แกนนิก จำกัด ยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนถูกต้อง โดยมีการส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ อคส. ตรวจสอบก่อนที่จะดำเนินการผลิตสารปรับปรุงบำรุงดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ อคส. ไม่ได้โต้เเย้ง พร้อมกับบอกว่าสามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม การให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นการพูดคุยกันทางวาจาเท่านั้น ไม่มีเอกสารอ้างอิงหรือหนังสือสั่งการใดๆ

 

 

               ทั้งนี้ บริษัท วีออร์แกนนิก จำกัด ผู้ประมูลข้าวจากโกดัง 1. คลัง สแตนดาร์ด แวร์เฮ้าส์ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ 2. แสงฟ้า โปรดิวส์ อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร จำนวน 61,527.685 ตัน ระยะเวลาการขนส่งตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2560 ถึงปัจจุบัน 11 กันยายน 2560 ขนส่งเข้ามายังบริษัทเพื่อผลิตสารปรับปรุงดิน รวมแล้วจำนวน 55,039.148 ตัน

 

 

               โดยการระบายข้าวมีการขนส่งมายังโกดัง บริษัท วีออร์แกนนิก จำกัด ซึ่งรถยนต์ทุกคันจะทำการซีลปิดผ้าใบ ชั่งน้ำหนักต้นทาง และชั่งน้ำหนักที่ปลายทาง คือ เครื่องชั่งน้ำหนักของสหกรณ์คณฑี และนำเข้าโดยมีเจ้าหน้าที่ อคส. ทหาร ตำรวจ และผู้ประกอบการรวมกันถือกุญแจ เพื่อดำเนินการต่อไป

 

 

               การดำเนินการของบริษัทฯ ประมูลกิโลกรัมละ 5 บาท 10 สตางค์ ขายกิโลละ 5 บาท 40 สตางค์ วัตถุประสงค์ เพื่อผลิตสารปรับปรุงดิน เมื่อนำข้าวเข้าโกดังแล้วนำผงคาร์บอนมาคลุกผสมสารปรับปรุงดินจำหน่าย ซึ่งมีผู้ซื้อนำรถมาขนจากโกดังไปทันทีที่ท่าข้าวรัตนภัณฑ์ และบริษัท เพียรฝันฟาร์ม อาหารสัตว์ จำกัด โดยบริษัท วีออร์แกนนิก จำกัด มีกำลังการผลิต 1,000 ตันต่อวัน นำกากอุตสาหกรรมผงคาร์บอนอินทรีย์มาผสมกับข้าว เพราะมีความละเอียดสูง สามารถซึมเข้าไปในเนื้อข้าวได้ ทำให้ข้าวสูญเสียลักษณะของความเป็นข้าวไปและไม่สามารถนำไปเป่าสีให้สะอาดรับประทานได้ จึงได้ทดลองนำข้าวที่ผสมผงคาร์บอนมาคลุกผสม ใช้เครื่องเป่า และเครื่องขัดข้าว พบว่าเมล็ดข้าวยังมีสีดำคล้ำ

 

 

               อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิตดังกล่าว ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข จึงต้องให้ยุติกระบวนการผลิต รวมถึงตรวจสอบบริษัทที่มารับซื้อสารปรับปรุงดินไว้ก่อน เพื่อรอการตรวจสอบทั้ง 3 แห่ง