Lifestyle

ไม่สร้างเหรียญ “หลวงพ่อปัญญา”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ๕ พ.ย.๒๕๖๐ ณ วัดชลประทาน

พระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ถึงแก่มรณภาพเมื่อเวลา ๐๙.๐๙ น. วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยเหตุติดเชื้อในกระแสโลหิต สิริรวมอายุ ๙๖ ปี ๕ เดือน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานโกศแปดเหลี่ยมและรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

เมื่อครั้งที่มีชีวิตอยู่หลวงพ่อปัญญาเป็นพระนักเผยแผ่พุทธศาสนาด้วยการปฏิวัติรูปแบบการเทศนาแบบดั้งเดิมที่นั่งเทศนาบนธรรมาสน์ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรมแบบพูดปากเปล่าต่อสาธารณชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุผลร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการดึงดูดประชาชนให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นอย่างมาก เมื่อพุทธศาสนิกชนทราบข่าวว่า หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ จะไปปาฐกถาธรรมที่ใดก็จะติดตามไปฟังกันเป็นจำนวนมาก ทั้งเทศนาออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ นอกจากนี้หลวงพ่อปัญญายังรับอาราธนาไปแสดงธรรมในต่างประเทศอีกด้วย

ไม่สร้างเหรียญ “หลวงพ่อปัญญา”

นับเป็นระยะเวลา ๙ ปีเต็ม ที่หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ แม่ทัพธรรม แม่ทัพโลก ถึงแก่มรณกาล เหลือเพียงสรีรธาตุให้กราบไหว้ และข้อคิดหลักธรรมคำสอนสำหรับพุทธศาสนิกชนนำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อสืบต่อพระศาสนาให้คงอยู่ต่อไป คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์เห็นสมควรแก่เวลาจัดงานสลายสรีรธาตุ จึงขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานพระราชทานเพลิงสรีรธาตุหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ ในวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๓๐ น.

หลวงพ่อปัญญานันทมุนี (เจ้าคุณสง่า) เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ บอก “คม ชัด ลึก” ว่า เรื่องงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อปัญญานั้น เป็นข้อถกเถียงกันในหมู่ลูกศิษย์ตั้งแต่ปีแรกที่หลวงพ่อปัญญามรณภาพว่า “ควรขอพระราชทานเพลิงศพเมื่อใดจึงจะเหมาะสม” เมื่อครั้งที่พระธรรมวิมลโมลี (เจ้าคุณรุ่น) อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ตัวฉันเองก็เคยมาปรึกษาเจ้าคุณรุ่น แต่ไม่มีความชัดเจนเรื่องวันเวลา หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์เห็นว่าเก็บสรีระของหลวงพ่อปัญญามาครบ ๑๐ ปีแล้ว สมควรขอพระราชทานเพลิงศพ ลูกศิษย์ก็อนุโมทนากันถ้วนหน้า จึงเป็นที่มาของการขอพระราชทานเพลิงศพในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐"

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้วันพระราชทานเพลิงศพแล้ว สิ่งที่วัดต้องเตรียมสถานที่เพื่อรองรับพลังศรัทธาของศิษย์ที่จะหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ คณะศิษย์จะจัดโครงการวางดอกไม้ใจแทนดอกไม้จันทน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดจำนวนศิษย์ที่จะมางานพระราชทานเพลิงศพวันจริงให้มาร่วมงานทุกๆ วันอาทิตย์ในช่วง ๑ ปี หลังจากนี้เป็นต้นไป

สำหรับรูปแบบเมรุที่ใช้พระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อปัญญานั้น เจ้าคุณสง่าบอกว่า จะใช้เมรุลอยสร้างขึ้นมาเพื่อพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อปัญญาโดยเฉพาะ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ลูกศิษย์ศึกษารูปแบบเมรุลอยที่ใช้ใน จ.พัทลุง เพราะชาติกำเนิดหลวงพ่อปัญญาเป็นชาวพัทลุง ทั้งนี้จะคงลักษณะเผาแบบโบราณที่เป็น “กองฟอน” ซึ่งไม่ซับซ้อนหรือต้องลงทุนสร้างอะไรมากเป็นพิเศษ

ไม่สร้างเหรียญ “หลวงพ่อปัญญา”

ประเด็นหนึ่งที่ต้องคิดต่อ คือ หากทำเป็นกองฟอนเหมือนต่างจังหวัด อาจจะถูกตำหนิเรื่องมลพิษที่เกิดขึ้นระหว่างเผา จึงให้ลูกศิษย์ศึกษาและออกแบบต่อว่า จะใช้เตาเผาปลอดมลพิษซ่อนไว้ในกองฟอนอีกชั้นหนึ่งดีหรือไม่ เพราะสรีระของหลวงพ่อปัญญาถูกเก็บมา 10 ปี น่าจะแห้งแตกต่างจากศพทั่วๆ ไป ที่ตายแล้วเผาเลย

เจ้าคุณสง่าพูดถึงของที่ระลึกที่แจกในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อปัญญาว่า จะพิมพ์หนังสือที่เป็นประวัติและคำสอนหลวงพ่อปัญญาแจก ๔ เล่ม หนังสือที่ระลึกเล่มที่หนาสุดจะเป็น “ดอกไม้ใจแทนดอกไม้จันทน์” เป็นหนังสือที่รวบรวมประวัติ ภาพถ่าย ผลงาน และคำสอน มีความหนาประมาณ ๓๐๐ หน้า ส่วนอีก ๓ เล่ม จะเป็นหนังสือขนาดพ็อกเก็ตบุ๊กที่รวบรวมคำสอนหลวงพ่อปัญญาที่แสดงไว้ในโอกาสและวาระต่างๆ โดยผู้มากราบสรีระหลวงพ่อก่อนงานพระราชทานเพลิงศพจะได้รับหนังสือเช่นเดียวกับผู้ที่มาในช่วงงาน

เมื่อถามถึง “การจัดสร้างเหรียญ หรือล็อกเกตหลวงพ่อปัญญาเป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพหรือไม่นั้น” เจ้าคุณสง่ายืนยันกับ “คม ชัด ลึก” ว่า “ในชาตินี้จะไม่ขายพ่อกิน หากใครทำขึ้นมารู้เมื่อไรจะดำเนินการถึงที่ การออกเหรียญที่ระลึกในงานพระราชเพลิงศพหลวงพ่อปัญญาจะไม่มีเด็ดขาด”

ด้วยระยะเวลาที่หลวงพ่อปัญญามรณภาพมาเกือบ ๑๐ ปี มีคนหรือลูกศิษย์ที่เข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม รวมทั้งอุปสมบทในแต่ละเดือนลดลงหรือเพิ่มขึ้น เจ้าคุณสง่าบอกว่า จำนวนคนที่เข้าวัดชลประทานไม่ได้ลดน้อยลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าเป็นความชาญฉลาดของหลวงพ่อปัญญาที่วางรากฐานเรื่องการสร้างศาสนทายาท เมื่อท่านไว้วางใจพระรูปใดก็จะมอบหมายให้ทำงานนั้น โดยท่านไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

ส่วนประเด็นที่เป็นข่าวว่าเกิดวิกฤติศรัทธาขึ้นในวัดชลประทานนั้น เจ้าคุณสง่าบอกว่า "ฉันอยากให้คนที่คิดที่เขียนมาได้เห็นและมาสัมผัสด้วยตัวเอง 2 อย่างที่ทำให้ 10 ปี ที่ผ่านมานั้น คือ พระและญาติโยมวัดไม่มีปัญหาเรื่องวิกฤติศรัทธา ที่สำคัญคือไม่เกิดวิกฤติปัญญา”

ถวายดอกไม้ใจแทนดอกไม้จันทน์

เพื่อแสดงปูชนียกตัญญุตาต่อหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ดังนั้น ตลอด ๑ ปี ก่อนถึงวันพระราชทานเพลิงสรีรธาตุ วัดชลประทานรังสฤษดิ์จะจัดกิจกรรมพิเศษ “วางดอกไม้ใจแทนดอกไม้จันทน์ ๔ กิจกรรม” ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2559

ระยะที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “การสลายสรีรธาตุ ประกาศสัจจธรรม หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ” เป็นอาจาริยบูชา ตามกรอบแนวคิด “สุโข ปุญญสส อุจโจโย การสั่งสมความดี (บุญ) นำความสุขมาให้”

ไม่สร้างเหรียญ “หลวงพ่อปัญญา”

ระยะที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙-๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ ภายใต้โครงการ “หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ แม่ทัพธรรม แม่ทัพโลก” ตามปณิธาน เรียบง่าย ประหยัด ประโยชน์ ถูกต้องตามธรรมวินัย ตามกรอบแนวคิด “เข้าวัดวันอาทิตย์ชีวิตเป็นสุข” หรือ “เข้าวัดวันอาทิตย์ใกล้ชิดพระศาสนา” ซึ่งหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุได้เปิดวัดวันอาทิตย์ เพิ่มวันดีให้แก่ชาวพุทธ มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๒

ระยะที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๐ ตุลาคม-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ภายใต้โครงการ “หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุกับธรรมทายาท” ตามกรอบแนวคิดให้ประพฤติธรรม “ตัดส่วนเกิน เจริญส่วนขาด” และเดินตามพุทธโอวาทในธรรมทายาทสูตรว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นพระธรรมทายาท อย่าเป็นอามิสทายาทเลย”

ระยะสุดท้าย ระหว่างวันที่ ๔-๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ภายใต้โครงการ “ถวายดอกไม้ใจแทนดอกไม้จันทน์ สลายสรีรธาตุ ประกาศสัจธรรม หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ปี ๒๕๖๐” ตามกรอบแนวคิด “ดอกไม้จันทน์ส่งสู่สวรรคาลัย ดอกไม้ใจสู่มรรคผลนิพพาน”

โดยวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เคลื่อนสรีรธาตุหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ สู่จิตกาธาน (เชิงตะกอน) ให้เป็นไปตามระเบียบพิธีพระราชทานเพลิง

ไม่สร้างเหรียญ “หลวงพ่อปัญญา”

ตลอดเวลา ๒ คืน ๒ วัน คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ ตลอดทั้งศรัทธาสาธุชนทั้งหลายได้ร่วมใจปฏิบัติบูชาด้วยหลัก มีการสวดมนต์, ฟังธรรมะ (ซีดีเสียงหลวงพ่อปัญญา) และของพระมหาเถระ, การเจริญจิตตภาวนา เป็นต้น เพื่อถวายเป็นดอกไม้ใจแด่หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงสรีรธาตุ ทุกคนนั่งสงบ (เว้นการเข้าไปกราบและถวายดอกไม้จันทน์) วันรุ่งขึ้นนำอัฐิธาตุบรรจุใต้ฐานเจดีย์ ที่อาคารปัญญานันทานุสรณ์ “แม่ทัพธรรม แม่ทัพโลก”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ