Lifestyle

“ธรรมาศรม”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อาศรมของผู้ประพฤติธรรม

         เมื่อปีที่แล้ว พ.ศ. ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ ตุลาคม ท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมพระพุทธศาสนานานาชาติฉงเซิ่ง ครั้งที่ ๓ ที่วัดต้าหลี่ฉงเซิ่ง อำเภอต้าหลี่ จังหวัดหยุนหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีพระคุณเจ้าท่านอาจารย์ฉงฮว่า มหาเถระรองประธานสมาคมพุทธศาสนาแห่งมณฑลหยุนหนาน เจ้าอาวาสวัดต้าหลี่ฉงเซิ่ง เป็นประธานจัดงาน 

        และท่านยังให้เกียรติท่านแม่ชีศันสนีย์เป็นหนึ่งในการนำสนทนาในประเด็น“มีสติในชีวิตประจำวัน...นำ สันติภาพสู่โลก”(Be mindful of daily life bring peace to the world) ซึ่งเน้นในเรื่องพุทธศาสนาเชิงมนุษยนิยม (Humanistic Buddhism) และเพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนจากระดับนานาชาติในระดับวิชาการทั้งจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศใกล้เคียง ค้นหามุมมองทางบวกของพุทธศาสนาเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของนานาชาติ ในการพัฒนาสังคมให้อยู่อย่างกลมกลืน

“ธรรมาศรม”

        จากการประชุมในครั้งนั้น พระคุณเจ้าฯ ได้เห็นการทำงานของเสถียรธรรมสถานจึงหารือกับท่านแม่ชีศันสนีย์ถึงความร่วมมือกันในการแลกเปลี่ยนนักบวช ฆราวาส นักศึกษาหญิง เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำงานร่วมกันที่จะนำองค์ความรู้ของเสถียรธรรมสถานซึ่งทำงานกับมนุษย์ในทุกช่วงวัยของชีวิต ตั้งแต่ปฏิสนธิจิตจนคืนชีวิตสู่ธรรมชาติ ไปช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณให้แก่ผู้หญิงในสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อให้สังคมโลกผาสุกขึ้น รวมทั้งร่วมมือกันเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

          ภายหลังการหารือและถักทอกันเป็นเวลาเกือบขวบปี วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๙บันทึกความเข้าใจ (Memorandum Of Understanding)ในเรื่ององค์กรภาคีเพื่อกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาและเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ระหว่างวัดต้าหลี่ฉงเซิ่งกับเสถียรธรรมสถานก็เกิดขึ้น นับเป็นครั้งแรกที่เสถียรธรรมสถานได้ทำบันทึกความเข้าใจในระดับนานาชาติ และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวพุทธจีนกับไทย โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำงานรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของสังคมโลกที่มีพระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นพื้นฐาน และได้เชิญท่านแม่ชีศันสนีย์ร่วมในการประชุมพระพุทธศาสนานานาชาติฉงเซิ่ง ครั้งที่ ๔ อีกทั้งยังได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในการนำสนทนาในประเด็น“จากเส้นทางสายไหมสู่เส้นทางแห่งอริยะ” (From Silk Road To Noble Path)ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ กันยายน ๒๕๕๙ ด้วย

“ธรรมาศรม”

      การทำบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้นับเป็นการนำองค์ความรู้จากการทำงานใน ๓ ทศวรรษที่ผ่านมาของเสถียรธรรมสถาน ออกมารับใช้สังคม ด้วยการใช้ “ศิลปะแห่งชีวิต” นำธรรมะกลับสู่มนุษย์ในทุกช่วงวัยของชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย โดยเมื่อยามอยู่...ก็อยู่อย่างมีความหมาย ครั้นต้องตาย...ก็ตายอย่างมีคุณค่า ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของการทำงาน

       “ธรรมาศรม”เป็นอาศรมของผู้ปฏิบัติธรรมในระยะยาว รองรับชีวิตในทุกช่วงวัย ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย สาธิตให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างชุมชนแห่งธรรมที่เกื้อกูลกันได้ แม้จะอยู่ในสังคมเมืองก็ตาม โดยใช้องค์ความรู้ทาง“ธรรมนิเวศ”ด้วยการสร้างสิ่งแวดล้อมที่สัปปายะในทุกด้าน เพื่อเกื้อกูลต่อผู้ปฏิบัติธรรมร่วมกับองค์ความรู้ทางธรรมชาติบำบัดเป็นการสร้างวิถีชีวิตใหม่อย่างเข้าใจธรรมะธรรมชาติ พร้อมให้ทุกคนพึ่งพาตนเอง

        กิน...ก็กินอาหารที่ปลอดภัย ไม่เบียนเบียดให้ตนเองและผู้อื่นเป็นทุกข์

       อยู่...ก็อยู่ท่ามกลางวิถีแห่งธรรมและธรรมชาติ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งเสริมการรู้ธรรม เห็นธรรมตั้งแต่วัยแม่ตั้งครรภ์ แม่ลูกอ่อน ผู้ป่วย คนชรา และผู้ต้องการธรรมเยียวยาในระยะสุดท้ายของชีวิต จึงถือเป็นนวัตกรรมแห่งชีวิต เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างแท้จริง

“ธรรมาศรม”

        และเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๙ ก็เป็นกาลอันเป็นมหามงคลของพิธีวางศิลาฤกษ์“ธรรมาศรม” อาศรมของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบโดยแม่ชีศันสนีย์ ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน ได้แสดงเจตจำนงไว้ว่า

       "ธรรมาศรม คือมรดกที่เราจะให้กับโลก เป็นศูนย์วิจัยทางธรรม หรือธรรมวิจัย เพื่อสาธิตการนำธรรมะออกไปเยียวยาสังคมด้วยองค์ความรู้ทางพุทธศาสนาตลอดสาย ตั้งแต่ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เป็นการนำประสบการณ์การใช้ศิลปะแห่งชีวิตเพื่อการบรรลุธรรมมาสกัดในห้องแล็บวิจัยชีวิต สร้างเป็น "แคปซูลธรรมะ" คือการนำแก่นธรรมในพุทธกาลสู่ปัจจุบันกาล ทำของยากให้ง่าย ทำให้แพร่หลาย ทำให้เข้าไปอยู่ในครัวเรือน ช่วยให้มนุษย์อยู่อย่างมีความหมายและตายอย่างมีคุณค่าได้ในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ปฏิสนธิจิตจนคืนชีวิตสู่ธรรมชาติ

       ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดธรรมาศรม คือประสบการณ์การทำงานเชิงรุก เพื่อมนุษยชาติในทุกช่วงวัยของชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานผ่านโครงการต่างๆ อันได้แก่โครงการจิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์,โครงการโรงเรียนพ่อแม่, โครงการอารยตาราภาวนาวิชชาลัย (อ่านว่า อา-ระ-ยะ-ตา-รา-ภาวนา-วิช-ชา-ลัย),โครงการการบวชพุทธสาวิกา,โครงการเยาวชน บ่มเพาะ แตกหน่อ ต่อยอดเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา (SOS-Seeds OfSpirituality),โครงการศิลปะการพัฒนาชีวิตด้วยอานาปานสติภาวนา,สาวิกาสิกขาลัย มหาวิชชาลัยธรรมะเพื่อเยียวยาสังคม,โครงการธรรมชาติบำบัด,โครงการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และโครงการธรรมวิจัย"

      ในการนี้พระเดชพระคุณ พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เจ้าคณะจังหวัดนครพนมเมตตาเป็นประธานประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และพระครูถิรธรรมธาดา เจ้าอาวาสวัดพระยอดโฆษิตวราราม อ.เมือง จ.นครพนมเมตตามาร่วมพิธีด้วย

     ในขณะที่ตอกไม้มงคลและวางแผ่นศิลาฤกษ์ ได้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ธรรมชาติรับรองการทำงานของเสถียรธรรมสถานการวางศิลาฤกษ์นี้มิได้เป็นเพียงการวางฐานรากของการสร้าง "ธรรมาศรม’ ซึ่งเป็นการทำงานทางกายภาพเท่านั้น ด้วยเพราะเสาเข็มที่แท้จริงของการทำงาน "ธรรมาศรม" คือเหล่าอาสาสมัครและผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมสร้าง "ธรรมาศรม" นั้นล้วนเป็น "เสาเข็มที่มีชีวิต" ที่จะทำให้ "ธรรมาศรม" เป็นประโยชน์สูงสุดแก่มวลมนุษยชาติ

           ก้าวแรกอย่างเป็นรูปธรรมของงานกายภาพการสร้าง “ธรรมาศรม” เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างงดงามในกุศล จากนี้...โปรดติดตามความคืบหน้าของการสร้างได้ทาง sdsweb.org และ www.facebook.com/sdsface

     ทว่า “ธรรมาศรม” จะสำเร็จลงไม่ได้เลยหากปราศจากสามัคคีธรรม ความรัก ความกตัญญู ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ ผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการร่วมทำ “บุญ” มหากุศลเพื่อเป็น “ทุน” ในการสร้าง “ธรรมาศรม” สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เสถียรธรรมสถาน โทร. ๐-๒๕๑๙-๑๑๑๙ หรือ ๐๙-๑๘๓๑-๒๒๙๔ หรือร่วมบุญด้วยตนเองได้ทุกวันที่เสถียรธรรมสถาน ถนนวัชรพล (รามอินทรา ๕๕) กรุงเทพฯ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ