Lifestyle

หลวงปู่นน เสก! "ปลัดขิกดิ้นได้”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แห่งสำนักสงฆ์เขาพรานธูป อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ ไตรเทพ ไกรงู เรื่อง - กฤชนันท์ ธรรมไชย ภาพ

“หลวงพ่อยิด เสกปลัดขิกดิ้นได้ บินได้”

เป็นเรื่องเล่าของคนที่เกิดทันและได้เห็นบารมีของ หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน หรือ พระครูนิยุตธรรมสุนทร แห่งวัดหนองจอก ต.ดอนยายหนู อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพระอีกท่านหนึ่งในบรรดาพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมอภิญญาอาคมขลัง ท่านถวายตัวเป็นศิษย์ตถาคตสืบทอดและเผยแผ่พุทธศาสนาตามแนวทางของพระศาสดาอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างวัดหนองจอกด้วยตัวท่านเอง จากเคยเป็นที่รกร้างเต็มไปด้วยป่าไผ่และดงหนาม จนสำเร็จเป็นวัดที่เจริญและงดงามในปัจจุบัน

วัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดที่ขึ้นชื่อคือ ปลัดขิก ที่สร้างปาฏิหาริย์บินได้ เป็นที่นิยมกว้างขวางในหมู่ทหารและตำรวจ เพราะเชื่อกันว่าใครมีปลัดขิกของหลวงพ่อยิดติดตัวแล้วจะดีเด่นในด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง อีกทั้งมีผู้ประสบเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งแคล้วคลาดและโชคลาภจากการบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อติดตัว ชื่อเสียงของหลวงพ่อจึงโด่งดังมากในยุคนั้น ปัจจุบันแม้หลวงพ่อท่านละสังขารไปแล้ว แต่วัตถุมงคลของหลวงพ่อก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ดีเด่นในด้านเมตตาแคล้วคลาด เล่นหาบูชากันในวงกว้าง

หลวงปู่นน เสก! "ปลัดขิกดิ้นได้”

ทุกวันนี้ “หลวงพ่อยิดเสกปลัดขิกดิ้นได้” ยังเป็นเรื่องเล่าในวงการพระเครื่องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ท่านจะมรณภาพมาเกือบ ๓๐ ปี (๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๘) แล้ว แต่เคล็ดวิชาเสกปลัดขิกดิ้นได้ยังคงอยู่ ที่สำคัญ คือ มีเรื่องเล่าที่เป็นเรื่องจริงสามารถพิสูจน์ได้ทุกเมื่อ คือ หลวงปู่นน แห่งสำนักสงฆ์เขาพรานธูป ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สามารถเสกปลัดขิกดิ้นได้เช่นเดียวกับหลวงพ่อยิด

ด้วยกิตติศัพท์อันเลื่องลือ “หลวงปู่นนสามารถเสกปลัดขิกดิ้นได้เช่นเดียวกับหลวงพ่อยิด” ทำให้ท่านได้รับกิจนิมนต์ร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลข้ามปี และที่ขาดไม่ได้คืองานปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดไตรมิตรวิทยาราม กทม. ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังมีลูกศิษย์มากมาย มีผู้คนเข้าไปกราบท่านไม่ขาดสาย ผู้คนต่างได้รับประสบการณ์ดีๆ ที่เกิดจากท่าน พระเครื่องของท่านมากมาย และเครื่องรางของท่านเป็นที่นิยมอย่างแผ่กว้างไปเรื่อยๆ ถึงต่างประเทศ

หลวงปู่นน เสก! "ปลัดขิกดิ้นได้”

หลวงปู่นน เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อยิด แห่งวัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ ผู้ปลุกเสกปลัดขิกอันลือลั่น ในการปลุกเสกปลัดขิกและวัตถุมงคล มีผู้เคยถามหลวงปู่นนว่า “ปลุกเสกปลัดขิกต้องมีคาถาหรือไม่” หลวงปู่นนบอกว่ามี คาถาเป็นบาลีตัวเดียวกันกับคาถาของหลวงพ่อยิดวัดหนองจอก โดยใช้เพียงสามตัวเท่านั้น ได้แก่ “กันหะเนหะ, นะมะพะธะ, จะพะกะสะ”

หลวงปู่นนยังบอกด้วยว่า คาถาซึ่งเป็นหัวใจเพียงสามตัวนี้ก็คือหัวใจล้วนๆ ทุกคนปลุกได้เพียงแค่ลงหัวใจเสียก่อน แล้วจึงไล่ธาตุ แต่ก็ไม่เห็นมีใครทำได้ หลวงปู่บอกซ้ำอีกว่า ที่สำคัญของการทำไม่ได้คือวิชามีแล้วแต่การปฏิบัติและการเพียรภาวนาให้ได้ถึงเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๘ พระราชภัทรญานฯ มอบตราตั้งฐานานุกรมและพัดยศเป็น “พระครูสังฆรักษ์” ให้แก่หลวงปู่นน จนฺทวิโร เจ้าสำนักสงฆ์เขาพรานธูป ให้เป็น “พระครูสังฆรักษ์นน จนฺทวิโร” โดยมีพิธีมอบขึ้นภายในอุโบสถของสำนักสงฆ์เขาพรานธูป

 

ตะกรุดดิ้นได้ด้วย “หัวใจธาตุ ๔”

 

หลวงปู่นนเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งที่อยู่กับหลวงพ่อยิดนั้น ได้ช่วยเขียนยันต์ลงตะกรุด โดยยันหลักที่ขาดไม่ได้คือ คาถาหัวใจธาตุ ๔ ที่ว่า “นะ มะ พะ ทะ” มาจาก “น้ำ ดิน ไฟ ลม” ซึ่งเป็นหัวใจของธาตุสิ่งมีชีวิต หากขาดตัวใดตัวหนึ่งชีวิตจะอยู่ไม่ได้

ปกติแล้วเรามักจะคุ้นกับคำว่า “ดิน น้ำ ลม ไฟ” คาถาบทนี้จะลงทุกครั้งที่มีการเขียนรูปสิ่งมีชีวิต ทั้งนี้ระหว่างการวาดภาพสัตว์ คน เทวดา เทพ รวงทั้งสงฆ์ การเขียนยันต์คาถาหัวใจธาตุ ๔ จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า

นะ กาโรโหติสัมพโว จงมาบังเกิดเป็นตัว นะ

มะ กาโรโหติสัมพโว จงมาบังเกิดเป็นตัว มะ

พะ กาโรโหติสัมพโว จงมาบังเกิดเป็นตัว พะ

ทะ กาโรโหติสัมพโว จงมาบังเกิดเป็นตัว ทะ

มีอุปเท่ห์ในการเขียนยันต์ว่า ระหว่างการวาดภาพ สัตว์ คน เทวดา เทพ รวมทั้งสงฆ์ เพื่อให้รูปสมมุตินั้น เกิดมีชีวิตชีวาเพื่อความขลังตามอุปเท่ห์นั้นๆ ต้องบริกรรมคาถาอาการ ๓๒ ที่ว่า

“อัฏฐิ อิมัสสะมิง กาเย เกษา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ มังสัง นะหารู อัฏฐิ อัฏฐิมิญชัง วักกัง หะทะยัง ยะกะนัง กิโลมะกัง ปิหะกัง บับผาสัง อันตัง อันตะคุณัง อุทะริยัง กะรีสัง ปิดตัง เสมหัง ปุพโพ โลหิตัง เสโท เมโท อัสสุ วะสา เขโฬ สิงฆานิกา ละสิกา มุตตัง มัตถะเก มัตถะลุงคัน คันติ”

ส่วนจะเป็นไม้อะไรหรือวัสดุใดทำปลัดขิกนั้น หลวงปู่นนบอกว่า เรื่องของไม้มงคลนั้นเป็นเรื่องมาที่หลัง จริงๆ แล้วไม้อะไรก็แกะเป็นปลัดขิก รวมทั้งจะใช้โลหะอะไรก็ได้หล่อหลอมเป็นปลัด สุดท้ายแล้วเสกด้วยค่าถาบทเดียวกันหมด แต่ด้วยว่าโลหะบางอย่างทำน้อย ไม้บางอย่างหากยาก จึงมีราคาแพง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องคุณวิเศษแล้วใช้ดีดีไม่แตกต่างกัน

 

ตำนานแห่ง “เขาพรานธูป”

 

สำนักสงฆ์เขาพรานธูป เดิมที่มีพื้นที่ประมาณ ๑๐ ไร่ โดยเมื่อ ๓๐-๔๐ ปีก่อนชาวบ้านที่มาทำไร่มีพลังศรัทธาในพุทธศาสนาถวายเพื่อสร้างที่พักสงฆ์ และเมื่อสร้างเป็นวัดพื้นที่เล็กเกินไปจึงทยอยซื้อปัจจุบันมีพื้นที่ ๓๕ ไร่ ขณะนี้กำลังดำเนินการยื่นเรื่องขอตั้งเป็นวัด

หลวงปู่นนเล่าให้ฟังว่า ตอนที่มาอยู่นั้น สำนักสงฆ์แห่งนี้ปลูกเป็นเพิงหมาแหงน พอหลบแดดหลบฝนได้เท่านั้น เหมือนกระท่อมชาวบ้านที่มาทำสวนทำไร่ ส่วนเครื่องใช้อื่นๆ ไม่ต้องพูดถึง มีเหมือนไม่มี คือ ใช้ได้ไม่สมบูรณ์แต่ก็ต้องใช้

ตอนที่มาอยู่สำนักสงฆ์แห่งนี้ มีเพียงแค่ย่ามกับบาตรเท่านั้น ครั้งแรกตั้งใจมาพักภาวนาไม่กี่วันก็จะไป แต่ระหว่างภาวนานั้นเกิดนิมิตว่า มีโบสถ์ มีศาลา มีกุฏิอยู่อย่างสมบูรณ์ จึงตั้งใจอยู่ต่อเพื่อสร้างเป็นวัด เริ่มจากพิมพ์ซองบอกบุญ ๑,๐๐๐ ใบ แจกชาวบ้านแจกไปเรื่อยๆ ไม่ได้ออกวัตถุมงคลใดๆ เมื่อลูกศิษย์รู้ข่าวก็มาช่วยกันคนละเล็กคนละน้อยตามกำลังศรัทธา มีน้อยสร้างน้อย มีมากสร้างมาก สร้างไปสร้างมาสุดท้ายเกือบจะสมบูรณ์กลายเป็นวัดในระยะเวลา ๖ ปี

หลวงปู่นน เสก! "ปลัดขิกดิ้นได้”

ส่วนที่มาของชื่อเขาพรานธูป ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับสำนักสงฆ์นั้น ในอดีตพื้นที่นี้เป็นอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด มีนายพรานมาหาสัตว์ป่าจำนวนมาก เมื่อได้แล้วก็จะบรรทุกเกวียนออกไป แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบเมื่อผ่านช่วงเขาบริเวณนี้ ธูปซึ่งเป็นส่วนประกอบของเกวียน จะต้องหลุดต้องหัก พรานต้องขึ้นไปตัดไม้มาทำธูปเกือบทุกครั้ง บ่อยครั้งเข้าจึงเรียกว่า “เขาพรานธูป” ไม่ได้เกี่ยวกับธูปเทียนที่บูชาพระแต่อย่างใด

เพื่อให้การก่อสร้างโบสถ์แล้วเสร็จ วันอังคารที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ นี้ เวลา ๑๓.๓๐ น. คณะศิษย์นำโดย คุณเทียน เอี่ยมนาค ได้เป็นประธานในงานทอดกฐินสามัคคีขึ้น โดยผู้ที่ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพตามศรัทธาจะได้รับมอบ ปลัดขิกที่หลวงปู่นนปลุกเสกเนื้อตะกั่วเป็นที่ระลึกทุกท่าน

ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญสร้างโบสถ์ และร่วมพัฒนาสำนักสงฆ์เขาพรานธูปให้เป็นวัดในพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ สอบถามเส้นทางได้ที่ โทร. ๐๘-๓๐๗๓-๙๐๙๓

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ