บายไลน์ พระพิทยา ฐานิสสโร
โยมป้าท่านหนึ่งวัย ๘๐ กว่าปี เดินหกล้ม เป็นเหตุให้ต้องนอนอยู่กับที่ ก่อนหน้านี้ในวัย ๖๐ ปีก็ทำงานอย่างไม่หยุด สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาโดยตลอด ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ได้แต่ไปทำบุญให้ทานอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ได้ฝึกเตรียมใจ พิจารณาไตร่ตรองใคร่ครวญกับความแก่ ความเจ็บ รวมถึงความตาย
คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า ถ้าพูดถึงเรื่องความตาย ความเจ็บป่วย ความพลัดพราก สูญเสีย จะเป็นลางไม่ดี จะเกิดสิ่งอัปมงคลกับชีวิต ทั้งที่เรื่องเหล่านี้เรื่องสิ่งปกติธรรมดาของทุกสรรพชีวิต ไม่มีใครหรือสิ่งมีชีวิตใดสามารถหลีกพ้น เป็นสิ่งที่ควรตระหนักรู้อย่างยิ่งและยอมรับอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะยิ่งเราพิจารณาไตร่ตรอง ใคร่ครวญมากเท่าไร เราจะเข้าใจความจริงแห่งชีวิตมากเท่านั้น
ที่สุดแล้วเราจะดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทในกระทำ ในการคิด และการพูดในทางที่ดีจะทำให้จิตใจเพิ่มพูนความเจริญ งอกงามต่อไป
เมื่อเราตระหนักรู้ว่า การคิด พูด กระทำในสิ่งที่ไม่ดี จะพาไปทางลุ่มหลง มัวเมา เพลิดเพลินในทางรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เราจะหยุดไม่ทำตามความคิดนั้นด้วยสติสัมปชัญญะที่ดำรงอยู่บนความไม่ประมาท จะทำให้เราไม่คิดพยาบาทหรือเบียดเบียนสรรพชีวิตใดๆ ในโลกใบนี้
หลายครั้งในชีวิตประจำวันของเรา ที่เราเก็บความไม่พอใจ ความหงุดหงิด ความโกรธหรือความอาฆาตพยาบาท แม้เพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตามกับคนที่เรารัก กับเพื่อนร่วมงานหรือคนที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเรา เราไม่สามารถให้อภัยได้ในทันทีและเก็บความทุกข์ใจนั้นไว้
ส่วนใหญ่แต่ละคนที่มีปัญหากับผู้อื่นก็มักคิดเสมอว่าเราเป็นคนถูก และปล่อยให้จิตใจปรุงแต่งเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับคนนั้นเพื่อให้มีเหตุผลมากมายมารองรับว่าเราถูกเราดี แต่หารู้ไม่ว่า ข้ออ้างเหล่านั้นทำให้เราจมอยู่กับความทุกข์ของตัวเองเป็นเวลานาน และจะกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราต่อไป หากเราปรุงแต่งไม่สิ้นสุด
ความถูกต้อง ความดีที่ถูกสมมุติตามค่านิยมตามหลักคุณธรรม จริยธรรมและศีลธรรมจรรยาของการอยู่ร่วมกันเป็นเรื่องที่ควรทำให้มี ให้ปรากฏในสังคมทุกระดับชั้น เพราะจะทำให้การอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพ สร้างความสงบสุขแก่ตนเองและสังคม แต่เมื่อมีบุคคลใดบุคลหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเราไม่ปฏิบัติตามกฎส่วนรวม หรือเขาผู้นั้นมีความอ่อนแอภายในจิตใจ เขาก็จะกระทำ คิด พูดไม่สอดคล้อง ถูกต้องตามหลักการที่วางไว้ และอาจเกิดผลกระทบกับเราไม่ว่าจะเป็นด้านใดๆ ก็ตาม ซึ่งบุคคลเช่นนี้มีอยู่ทุกสังคม
เราต้องตระหนักรู้อยู่เสมอว่า เราไม่ได้มีหน้าที่ที่จะเปลี่ยนแปลงเขา แต่เรามีหน้าที่ทำตัวให้ถูกต้องตามหลักการที่วางไว้ เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับตัวเองอย่างมีความสุข มากไปกว่านั้น คือคอยเป็นกำลังใจ ถ้าเขาพร้อมรับความแนะนำจึงค่อยพูด แต่หากเขาไม่พร้อมก็ควรเคารพในความเป็นเช่นนั้นของเขา แม้อาจไม่ดี ไม่งามและอาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียมาถึงเราก็ตาม เราเองต้องยอมรับว่าเพราะเคยมีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเราจึงมาเจอกัน มีเหตุต่อกัน แต่เราจะทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด และทำให้จบในปัจจุบัน ไม่โทษอดีต ไม่โทษเขาคนนั้นที่ทำให้เราเป็นอย่างนี้
หากเราติดต่อสื่อสารกับใครก็ตามด้วยจิตใจที่สงบ ให้อภัยไม่สร้างเวรสร้างกรรม และมองเห็นความทุกข์ ความอ่อนแอของจิตใจกับความเป็นเช่นนั้นของเขาหรือผู้อื่น เราจะมีความสุขในการอยู่ร่วมกันแม้จะแตกต่างกัน
แต่ถ้าเราเป็นทุกข์ใจ เดือดร้อนใจกับพฤติกรรมของบุคคลนั้น แม้เราทำดี ถูกต้องแล้วก็ตาม ความดี ความถูกต้องนั้นจะทำให้เราเกิดทุกข์ได้ เพราะเปรียบเทียบ และอยากให้คนอื่นทำเหมือนเรา หรือเป็นแบบเรา
ความทุกข์ในใจที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เพราะเขาบุคคลนั้นที่ทำให้เราทุกข์ แต่เพราะความยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งที่คิดว่าดี ว่าถูกต้อง และยอมไม่ได้ว่าใครจะมาทำในสิ่งตรงกันข้าม หรือทำให้เสียหน้า เสียภาพลักษณ์หรือกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงจากความเคารพนับถือจากคนที่เกี่ยวข้องหรือคนทั่วไป กลัวเขามองว่าเราเป็นคนไม่ดีไปด้วย
ร่างกายเสื่อม แต่จิตใจดีไม่มีเสื่อม
ทำดีได้ดีเสมอ ถ้าไม่ยึดดี ติดดี
จิตใจที่ทุกข์ เดือดร้อนเป็นอัปมงคล?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง