Lifestyle

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ : สำราญ สมพงษ์ นิสิตปริญญาเอกสาขาสันติศึกษา มจร รายงาน

          สถานการณ์โลกปัจจุบันนี้ได้ก้าวพ้นความขัดแย้งไปสู่ความรุนแรงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดอยู่เสมอ ก่อนหน้านี้พื้นที่ความรุนแรงกระจุกตัวอยู่ที่ตะวันออกกลางขณะนี้ได้ขยายพื้นที่ไปสู่ยุโรป  

          อย่างเช่นเกิดเหตุร้ายอย่างไม่คาดฝันที่นครมิวนิก เมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนีเมื่อวันที่  22 กรกฎาคมที่ผ่านมา มือปืนกราดยิงที่ร้านอาหารฟาสต์ฟูด ใกล้กับศูนย์การค้าก่อน  ทำให้ผู้คนแตกตื่นวิ่งหนีตายออกมา และออกมากราดยิงต่อบนถนนใกล้กับห้างโอลิมเปีย ซึ่งอยู่ในเขตมูซาช ใกล้กับสนามกีฬาโอลิมปิค ประเทศเยอรมนีก่อนหลบหนีไป ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน จำนวนนี้เป็นเยาวชน 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 27 คน โดยมี 3 คนอาการสาหัส  

          ทั้งๆ ที่วันที่ 18 ก.ค.มีชายวัย 17 ปีชาวอัฟกันที่อพยพมายังเยอรมนี ใช้อาวุธมีดและขวานลงมือก่อเหตุทำร้ายผู้คนบนรถไฟท้องถิ่นใกล้เมือง เวือร์ซบูร์ก ทางตอนใต้ของเยอรมนี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรง 4คน และ บาดเจ็บอีกหลายคน

          ก่อนหน้านี้มีการโศกนาฏกรรมคนขับรถบรรทุกพุ่งชนฝูงชนขณะเลิกจากงานจุดพลุฉลอง วันชาติฝรั่งเศส ที่เมืองนีซ ทางตอนใต้เมื่อคืนวันที่ 14 กรกฎาคม  ซึ่งเป็นการสังหารหมู่ 84 ศพ และบาดเจ็บกว่า 300 คน และเป็นวันเดียวกันที่กลุ่มทหารก่อการกบฏประธานาธิบดีเรเจ๊ป ไตยิบ แอร์ดวนแห่งตุรกี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งพลเรือนและทหารที่ร่วมก่อการ 265 ในแค่คืนเดียว บาดเจ็บอีกกว่าพันคน ขณะที่ประเทศไทยมีสภาพความรุนแรงหลบในหินทับหญ้าพร้อมที่ระเบิดออกมาได้เสมอ

          เมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้น วิถีการดำเนินการตามหาตัวผู้ก่อเหตุ มีกลุ่มคนอ้างเป็นผู้ก่อการ ประเทศต่างๆ ออกมาประนามการกระทำ มีการไว้อาลัยแล้วก็จบกันไปหมุนเวียนอยู่แบบนี้ ไม่เห็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมว่ามนุษย์จะมีแนวทางในการป้องกันความรุนแรงได้อย่างไร มีแต่การประกาศเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น แบบนี้แล้วมนุษย์จะอยู่รอดอยู่อย่างสันติสุขได้อย่างไร หรือจะมีอยู่บ้างก็เป็นเสียงที่แผ่วเบาแทบจะไม่เข้าหูมนุษย์ส่วนใหญ่เลย ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่มีเสียเลย ดังนั้น เสียงแห่งสันติภาพนั้นไม่ใช่จะทำเฉพาะการตระโกนเป็นครั้งคราวจะต้องทำอย่างต่อเนื่องอย่างมีเทคนิคและวิธีการที่แยบยลในลักษณะของการสร้างและปลูกฝังตั้งแต่ในครรภ์เลยก็ว่าได้

          ในเสียงแห่งสันติภาพที่แผ่วเบานั้นได้เห็นภาพการตระโกนการสร้างและปลูกฝังตั้งแต่ระดับเยาวชนของสถาบันภาษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ภายใต้การนำของพระมหาหรรษา ธัมมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดี มจร ผู้อำนวยการสถาบันภาษาและหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาโทและเอกที่ได้จัดโครงการยุวทูตอาเซียนศึกษาเพื่อสันติภาพ (ASEAN Youth for Peace, Languages and Cultures Camp) โดยนำเด็กและเยาวชนจาก 10 ประเทศอาเซียน และจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐเกาหลี หรือเรียกว่า อาเซียน+3 เข้าค่ายตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาถึงปี 2559 นี้เป็นปีที่ 4 แล้ว มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯได้ตระหนักรู้คุณค่าของการอยู่ร่วมกันในประชาคมอาเซียนอย่างสันติสุขภายใต้ความแตกต่างทางภาษา ความเชื่อ ชาติพันธุ์ วัฒนธรรมและประเพณี  ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำนวนมาก เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม กรมอาเซียน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และทีเคปาร์คเป็นต้น 

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

          และปี2559 นี้ดำเนินการระหว่างวันที่ 13-21 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่ มจร  5  วัน อย่างเช่นการแสดงบนเวทีของเยาวชนที่ร่วมโครงการเป็นต้น และอีก 5 วันเป็นการลงกิจกรรมในพื้นที่เพื่อทำกิจกรรมในต่างจังหวัด เช่น งานบริการสังคม การปลูกต้นไม้ การดำนา การสอนหนังสือนักเรียน และกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน เป้าหมายของการทำกิจกรรมเพื่อให้ยุวชนได้ตระหนักรู้ถึงการเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในฐานะครัวครัวเดียว ภายใต้แนวคิดหลัก "We are all one family"


ยุวชนอาเซียน:เข้าใจวิถีชุมชนเข้าใจวิถีอาเซียน

          พื้นที่ต่างจังหวัดนั้นโครงการได้เลือกบ้านช่อสะอาด บ้านท่าคอยนาง จ.ศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 16-18  ก.ค.  โดยมีนายชัยวรรรณ นิยม นายอำเภอปรางค์กู่ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดกิจกรรม ซึ่งจะมีทั้งการบริการสังคมเช่นการสอนหนังสือพาเด็กๆ ทำกิจกรรมที่โรงเรียนบ้านท่าคอยนาง การเล่นกีฬาพื้นบ้านเช่นการชักเย่อ การเป่าลูกโป่ง การวิ่งกระสอบทราย การเป่าหาเหรียญ และอื่นๆ จำนวนมากอาทิ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

          การดำนากับชุมชน เนื่องจากข้าว 10 รวง คือ สัญลักษณ์ที่แสดงถึงวิถีอาเซียน ที่เด็กอาเซียนจำนวนมากไม่เคยทราบแหล่งกำเนิดของข้าวเหล่านี้เลย  อีกทั้งเป็นการสื่อให้เด็กได้เห็นว่า ข้าวแต่ละเม็ดที่อยู่บนจาน คือ เหงื่อแต่ละหยดที่ชาวนาจะต้องแลกมาด้วยความยากลำบาก  การทำอาหารร่วมกันและทานอาหารร่วมกันสะท้อนความเป็น "ครอบครัวอาเซียน"   

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

          การปลูกป่า ปลูกหญ้ามาเลเซียเต็มพื้นที่กว่า 3 ไร่ในสวนสันติภาพเพื่อร่วมจิตตั้งใจต่อยอดสวนสันติภาพไปสู่การพัฒนาให้เป็นสวนอาเซียนเพื่อสะท้อนวิถีชีวิตการอยู่กันอย่างสันติสุขในประชาคมอาเซียน  และเพื่อให้เหมาะกับการทำกิจกรรมต่างๆ ของชุมชนในโอกาสต่อไป

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ


สร้างสันติภาพภายในสู่สันติภาพภายนอก

          พร้อมกันนี้ยังมีกิจกรรมที่เป็นการพัฒนาสันติภาพภายในสู่สันติภายนอก ทั้งการร่วมกันทำบุญตักบาตรกับชาวบ้านในชุมชนสันติสุขบ้านท่าคอยนาง เด็กๆ ได้เรียนรู้ว่า การทำบุญตักบาตรถือเป็นวิถีชีวิตแบบพุทธ ทำวัตร สวดมนต์ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน แผ่เมตตา อธิษฐานบารมีทั้งภาคเช้าและเย็น เพราะการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเป็นการบ่มเพาะต้นกล้าแห่งความสุขให้เจริญเติบโตขึ้นในแต่ละวัน และเป็นที่แน่ชัดว่าการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะทำให้ดวงจิตเกิดภาวะผ่อนคลายจนนำไปสู่การทุบทำลายกำแพงของอัตตาลง แล้วสร้างสะพานแห่งความรักที่ไร้ขีดจำกัดเพื่อทอดเดินไปหยิบยื่นความสุขแก่เพื่อนร่วมโลก

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

          รวมถึงการใช้เป็นลานวัด ลานธรรม และลานใจให้ผู้คนมากมายได้มาแสวงหาความสงบสุข  การเดินธรรมยาตรายุวชนอาเซียนเพื่อพิสูจน์ขันติธรรมในตัวเอง เพื่อจะได้เข้าใจและมองเห็นชีวิตตัวเองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้คำตอบคือธรรมะที่ผุดขึ้นท่ามกลางเท้าที่ก้าวเดิน สติ ขันติ และสันติไม่ใช่คำพูดที่บอกให้ท่องจำ แต่เป็นสิ่งที่ย้ำให้ทุกคนได้ทำ เพื่อจะได้เข้าใจธรรมอย่างแจ่งชัดในที่สุด

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

          หลังจากเสร็จกิจกรรมที่บ้านท่าคอยนาง  จ.ศีรสะเกษแล้ว ยุวชนอาเซียนได้ร่วมเวียนเทียนวันอาสาฬหบูชาที่วัดใหม่ บางขุนนนท์ บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร การก่อให้เกิดการสำนึกรู้ถึงพระคุณทั้ง 3 ที่พระพุทธเจ้ามีต่อชาวโลก ทั้งบริสุทธิคุณ พระกรุณาคุณ และพระปัญญาคุณ การเวียนเทียนทำให้ได้เรียนรู้ถึงธรรมจักรที่หมุนส่องสว่างให้โลกที่มืดบอดได้รับแสงสว่างค้นพบหนทางสายกลางที่ทำให้โลกได้หมุนจากความผิด (มิจฉา) ไปสู่การถูก (สัมมา) จนทำให้โลกรอดมาได้จนถึงวันนี้ วันที่เด็กยุวชนอาเซียนได้มาถือเทียนแล้วเขียนธรรมให้เกิดขึ้นภายในจิตใจ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ


เสียงจากยุวชนอาเซียนถึงประชาคมอาเซียน

          หลังจากเสร็จสิ้นโครงการยุวทูตอาเซียนศึกษาเพื่อสันติภาพแล้ว พระมหาหรรษาได้นำยุวชนอาเซียนไปเล่าประสบการณ์และความประทับใจดังกล่าวข้างต้น ในรายการ "เดินหน้าประชารัฐ" ช่อง 11 โดยพระมหาหรรณากล่าวว่า การสร้างบารมีให้ได้บารมี ไม่จำเป็นต้องอิงอาศัยเชิงปริมาณ ปริมาณน้อยแต่ทุ่มเททั้งตัวและหัวใจจะได้บารมีในเชิงคุณภาพมากล้น เพราะยุวชนจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในอาเซียนต่อไป แม้บางคนอาจจะมองว่า สันติภาพแสงหิงห้อย แต่ถ้าเป็นหิงห้อยนับร้อยนับพันนับหมื่น ก็จะกลายเป็นพลังแห่งสันติภาพที่ทอประกายให้ประชาคมอาเซียนได้อาศัยในวันนี้และวันหน้าต่อไป ฉะนั้น สันติภาพมิได้เริ่มต้นเป็นจริงได้จากการพูดแต่เกิดได้เพราะ "การนำสันติธรรมไปทำผ่านชีวิตและลมหายใจ"

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

สร้างเยาวชนต้นกล้าสันติภาพคือทางรอดของมนุษยชาติ

          โครงการยุวทูตอาเซียนศึกษาเพื่อสันติภาพและหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาโทและได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม  อธิการบดี มจร ที่เคยระบุไว้ว่า "หากสังคมมีสันติสุขความสงบแล้วความเจริญรุ่งเรืองก็จะตามมา"  ซึ่งในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป พระพรหมบัณฑิตได้เมตตาเป็นอาจารย์พิเศษในหัวข้อ "สันติศึกษากับการพัฒนาชีวิตและสังคม" ที่ห้องสันติศึกษาชั้น 4  อาคารเรียนรวม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ให้กับนิสิตปริญญาโทและเอกรวมประชาชนทั่วไปได้รับฟัง

............................

(หมายเหตุ : ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊กHansa Dhammahaso)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ