ข่าว

ลาออกจากงานประจำมาทำเกษตรดีหรือไม่ ตอน3

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ - ทำกินถิ่นอาเซียน โดย– รศ.ดร.พิชัย ทองดีเลิศ  [email protected] 

 

ในสองตอนแรกที่ผ่านมาคงทำให้ท่านผู้อ่านพอมองภาพออกว่าการทำเกษตรนั้นมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเป็นตัวกำหนดวิธีคิด วิธีการ และเป้าหมายในการทำการเกษตรของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป สำหรับผู้ที่มีความพร้อมในทุกด้าน การคิดทำการเกษตรก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าจะทำจริงจังขนาดไหนและเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร 

 

ส่วนผู้ที่มีความพร้อมบางด้านก็อาจต้องคิดนานหน่อยว่าถ้าเจอปัญหาอุปสรรคข้างหน้าจะมีวิธีการในการจัดการแก้ไขอย่างไร และท้ายที่สุดสำหรับผู้ที่ไม่มีความพร้อมเลยแต่มีความจำเป็นและแรงผลักดันที่จะต้องทำเพื่อให้มีรายได้และเอาตัวรอด จะทำการเกษตรอย่างไรภายใต้ข้อจำกัดและสถานการณ์ที่กดดัน

เมื่อมองจากตรงนี้จะเห็นได้ว่าการทำการเกษตรของผู้ที่ไม่ใช่เกษตรกรโดยอาชีพ จึงเป็นเรื่องยากมากกว่าเรื่องง่ายถ้าไม่มีแรงบันดาลใจและความตั้งใจที่แน่ชัด แต่ถ้าจะเพื่อให้เป็นรายได้เสริมบางส่วนหรืองานอดิเรกก็คงไม่ต้องจริงจังมากนัก เนื่องจากไม่ได้มีเป้าหมายทางธุรกิจ

ในขณะที่เขียนบทความตอนนี้อยู่ทำให้ผมนึกย้อนไปในอดีตที่ผ่านมา ช่วงที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเราไม่ค่อยดีเท่าไร ผู้ที่ทำธุรกิจต้องประสบปัญหาและทำให้หลายคนต้องตกงานกันในช่วงนั้น จึงทำให้เรื่องของการทำการเกษตรมีความสำคัญขึ้นมาและมองกันว่าเป็นวาระของเกษตรกู้ชาติ คนส่วนใหญ่จึงมองเห็นความสำคัญของภาคการเกษตรและต่างพากันกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำการเกษตรเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันในช่วงนั้น 

ซึ่งการกลับไปทำการเกษตรในช่วงนั้นก็เป็นการทำด้วยความจำเป็นและขาดความพร้อมในเรื่องของความรู้และทักษะในด้านการเกษตร แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำกันไป ตามวิธีคิดของคนไทยเราจะรับรู้กันมาแต่เกิดว่าที่ดินในเมืองไทยมีความอุดมสมบูรณ์ปลูกอะไรก็ได้ โยนเมล็ดพันธุ์พืชอะไรลงไปในดินก็ขึ้นโดยแทบไม่ต้องจะดูแลรักษาทำนองพวกผักสวนครัวรั้วกินได้แบบนั้น ดังนั้นคนไทยทั่วไปบางส่วนก็จะมองว่าการเกษตรไม่ใช่เรื่องยากและเรื่องซับซ้อนอะไร นอกจากว่าไปลองทำกันจริงจังแล้วพบกับปัญหาจึงจะทำให้วิธีคิดแบบนี้เปลี่ยนไป 

ช่วงนั้นก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความพร้อมในทุกด้านทั้งที่ดิน เงินทุน และเป้าหมายในการทำการเกษตร แต่สิ่งที่ขาดก็คือความรู้ ทักษะและวิธีบริหารจัดการเกษตรเชิงธุรกิจ โดยคนกลุ่มนี้มีความพิเศษคือมีความพร้อมและความตั้งใจเกินร้อยที่จะเข้ามาทำการเกษตรแบบก้าวกระโดด ยกตัวอย่างคือไม่มีนับ 1-2-3 แต่ก้าวกระโดดข้ามไปนับ 4-5-6 ต่อเลย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือไม่ทำการเกษตรแบบลองผิดลองถูกในระดับเล็ก แต่ข้ามไประดับกลางจนถึงระดับสูงเลยทีเดียว

 

การตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ในช่วงนั้นก็คือ แนวความคิดในการสร้างเกษตรกรมืออาชีพแบบก้าวกระโดด หรือถ้าเป็นทุกวันนี้น่าจะเรียกว่าการสร้าง Smart farmer แบบก้าวกระโดด ซึ่งหลายคนที่เข้าร่วมกิจกรรมในโครงนี้ก็กลายไปเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตรที่ได้ทำการเกษตรตามความชอบ ความถนัดและความพร้อม โดยมีวิธีคิดที่ตอบโจทย์ของตัวเองอย่างชัดเจนจนถึงทุกวันนี้

ย้อนกลับมาสำหรับผู้ที่คิดจะประกอบอาชีพเสริมทางการเกษตรนอกเหนือไปจากงานประจำ คุณนิวัฒน์ อินเพน ได้ฝากบอกว่า 

“การทำเกษตรนั้นต้องมาจากใจไม่ใช่กระแสนิยม ต้องเข้าใจว่ารายได้จะไม่มากเพราะเป็นงานเสริม การบริหารเวลาเป็นเรื่องสำคัญเพราะทำการเกษตรต้องใส่ใจและใช้เวลา ความรู้เป็นสิ่งมีค่าต้องใฝ่หาอยู่เสมอ เทคโนโลยีใช้เท่าที่จำเป็นและเหมาะสม ทำให้เป็นกิจกรรมของทุกคนในครอบครัวและที่สำคัญต้องพร้อมรับความเสี่ยงจากสภาพดินฟ้าอากาศ ถ้าคิดได้แบบนี้ก็เริ่มต้นกันได้เลยครับ”

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ