วิธีคิดทางการเกษตรกับคนรุ่นใหม่

 

     ในสัปดาห์นี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องของผักกันนะครับ แต่เปลี่ยนมุมมามองกันเรื่องของการบริโภคเพิ่มกันอีกนิด ผู้บริโภคในทุกวันนี้ส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับการบริโภคผักกันมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งมองว่าเป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพรักษาร่างกาย อีกส่วนหนึ่งอาจจะเพราะต้องบริโภคตามคำแนะนำจากแพทย์เพราะเป็นความจำเป็นจริง ๆ ขณะอีกส่วนหนึ่งอาจจะมาจากกระแสของสังคมและโครงการรณรงค์จากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในสังคม

 

     

     แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามล้วนแต่เป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคในเมืองไทยเราหันมาบริโภคผักกันมากขึ้น ผมเคยมีโอกาสพานิสิตไปดูงานเกี่ยวกับการผลิตผักเพื่อการจำหน่ายในหลายที่โดยเฉพาะพวกผักปลอดภัย และมักจะได้ทราบข้อมูลว่ามีตลาดที่รองรับอยู่แล้ว บางครั้งบางคราวก็ไม่สามารถผลิตส่งได้ทันตามความต้องการ ราคาก็อยู่ในระดับที่พอใจ แต่การลงทุนก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วย ตรงนี้เป็นข้อมูลที่ได้รับฟังจากผู้ผลิตแทบทุกราย ซึ่งเป็นมุมมองของผู้ผลิต

           ในมุมมองของผู้บริโภคนั้นเราจะพบเห็นผักเหล่านี้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ในสถาบันการศึกษา หรือในร้านค้าที่ขายของเหล่านี้ โดยเฉพาะและรวมไปถึงตลาดนัดตามโอกาศพิเศษต่าง ๆ ที่นิยมจัดกันบ่อยในเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เมื่อสองสามวันก่อนผมได้มีโอกาสไปพบแพทย์ที่ศูนย์แพทย์พัฒนาแถว ๆ พระรามเก้า หลังจากพบแพทย์เรียบร้อยแล้วได้มีโอกาสเดินสำรวจพื้นที่แถวนั้นเนื่องจากความร่มรื่นและมีต้นไม้เยอะดี 

           ก็เลยมีโอกาสพบเห็นโรงเรือนที่ปลูกผักไฮโดรโปรนิคส์ขนาดย่อม ๆ ที่ปลูกผักหลายชนิดอยู่เต็มโรงเรือน ซึ่งดูไปดูมาพบว่าโรงเรือนปลูกผักนี่เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหาร ซึ่งทำให้ฉุกคิดว่าในปัจจุบันนี้แนวคิดการทำร้านอาหารควบคู่ไปกับการผลิตผลผลิตทางการเกษตรเพื่อใช้ทำอาหารเองก็เกิดขึ้นมากอยู่และยังคงมีแนวโน้มเกิดขึ้นเรื่อย ๆ 

             ส่วนหนึ่งเป็นแรงผลักดันและมีแรงบันดาลใจที่อยากทำและก็เป็นที่น่าแปลกว่าส่วนใหญ่คนที่ทำไม่ได้มีความรู้เรื่องการเกษตร แต่อาศัยแรงบันดาลใจล้วน ๆ พูดง่ายก็ออกแนวศิลปินครับ ทำเพราะอยากทำ ทำเพราะชอบล้วน ๆ และส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้ก็จะทำได้ดีและไปได้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็น่าจะมีหลายๆรายที่โด่งดังและท่านผู้อ่านน่าจะรู้จักกันดี

           โดยส่วนตัวผมมองว่าการทำการเกษตรแบบมีแรงบันดาลใจบวกกับกับความชอบและอยากจะทำแบบนี้ ค่อนข้างมีความยั่งยืนเพราะตอบโจทย์ตัวเอง ตอบโจทย์สังคมและที่สำคัญตอบโจทย์ตลาดของผู้บริโภค ถึงแม้จะมีความรู้พื้นฐานเรื่องการเกษตรแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาในโลกปัจจุบันแล้วครับ 

   

                                                         

         การหาความรู้ในโลกสารสนเทศ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การศึกษาแบบอย่างจากต้นแบบที่ดี รวมถึงการบริหารจัดการที่ดีเป็นเรื่องง่ายของคนรุ่นใหม่ในกลุ่มนี้ครับ หลายท่านอาจจะถามว่าแล้วคนที่รู้เรื่องการเกษตรโดยตรงมาทำแบบนี้จะไม่ดีกว่าหรือ ในอีกด้านหนึ่งบ้างครั้งการมีความรู้มากไปทำให้เราเกิดความรอบคอบจนตีกรอบวิธีคิดและวิธีทำมากไปจนกลายเป็นข้อจำกัดขึ้นมาจนเราไม่สามารถเดินต่อไปได้อย่างคนรุ่นใหม่ ๆ ที่มีวิธีคิดต่างออกไป 

           โลกของการเกษตรในทุกวันนี้น่าจะต้องฝากไว้กับคนรุ่นใหม่ ที่มุมมองแตกต่าง มีแรงบันดาลใจ มีวิธีคิดที่สร้างสรรค์ บวกกับความรู้และเทคโนโลยีที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ เมื่อโลกเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำการเกษตรก็คงต้องเปลี่ยนตามด้วยครับ!