ข่าว

 สมาคมจี้ชะลอปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 สมาคมจี้ชะลอปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่  หวั่นบุหรี่เถื่อนทะลัก-ร้านค้ารายย่อยกระอัก         

    ความวัวไม่ทันจางหายความควายก็เข้ามาแทรก หลังการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ลดโควตารับซื้อใบยาชาวไร่ลง 50% ในฤดูกาลผลิตหน้า อ้างมีปัญหาการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ส่งผลให้ยอดขายบุหรี่ลดลงจนสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวไร่ยาสูบกันถ้วนหน้า ขณะเดียวกันโครงสร้างภาษีดังกล่าวยังมีผลกระทบต่อร้านค้ารายย่อยอีกด้วย

    เรียกได้ว่ากระทบกันถ้วนหน้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำกันเลยทีเดียว!

 สมาคมจี้ชะลอปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่

      

                นับตั้งแต่กรมสรรพสามิตรื้อโครงสร้างภาษีบุหรี่ครั้งใหญ่ โดยนำระบบ “ราคาขายปลีกแนะนำ” มาใช้เป็นฐานคำนวณภาษีบุหรี่แทนราคาหน้าโรงงานหรือราคานำเข้า (CIF) ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2560 เป็นต้นมา ทำให้บุหรี่ทุกยี่ห้อต้องเสียภาษีตามปริมาณ มวนละ 1.20 บาท หรือซองละ 24 บาท  แต่เมื่อนำมารวมค่าภาษี ซึ่งคิดตามมูลค่าโดยใช้ราคาขายปลีกที่ซองละ 60 บาท เป็นราคามาตรฐาน หากผู้ประกอบการรายใดตั้งราคาขายปลีกไม่เกินซองละ 60 บาท ต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 20% แต่หากเกินกว่านี้ต้องเสียภาษีในอัตรา 40% ทันที 

                “การขึ้นภาษีทุกครั้ง มีผลกระทบต่อร้านค้าขนาดเล็กอย่างเรา เพราะต้นทุนสูงขึ้น ทั้งเป็นการเร่งการเติบโตของบุหรี่เถื่อน ดังนั้นการที่กระทรวงการคลังตัดสินใจเลื่อนการบังคับใช้ภาษีบุหรี่อัตรา 40% ออกไปก่อนถือเป็นการช่วยแก้ปัญหาให้ร้านค้าได้ระดับนึง แต่กระทรวงสาธารณสุขกลับต้องการเก็บเงินสมทบกองทุน สปสช. จากบุหรี่อีกซองละ 2 บาท ก็เท่ากับเป็นการขึ้นภาษีบุหรี่อีก เพราะจะทำให้บุหรี่ต้องขยับไปเสียภาษี 40% ทันที ซึ่งผลกระทบจะไม่ต่างกับจากการปรับขึ้นภาษี 40% แม้รัฐจะชะลอไปก่อนจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ก็ตาม แต่หากนายกรัฐมนตรีเห็นใจร้านค้าขนาดเล็กเชื่อว่าจะได้รับกำลังใจจากร้านค้าโชห่วยขนาดเล็กทั่วประเทศกว่า 500,000 รายอย่างแน่นอน”

               วราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทยเผยกับ “คม ชัด ลึก” ถึงผลกระทบโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่กับผู้ค้ารายย่อยและให้จับตาดูวันพรุ่งนี้ (อังคาร 2 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขอาจเสนอการเก็บเงินภาษีบุหรี่เพิ่มอีกซองละ 2 บาทเพื่อนำมาสมทบกองทุนสปสช. ก็จะทำให้การปรับขึ้นภาษีบุหรี่จะอยู่ที่ 40% และราคาบุหรี่ขายปลีกจะต้องขยับขึ้นไปที่ซองละ 90 บาท  ซึ่งจากผลสำรวจความคิดเห็นของร้านค้าปลีกในช่วง 8 เดือนหลังการประกาศใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ จัดทำโดยนิด้าโพล เพื่อสำรวจความคิดเห็นของร้านค้าปลีกที่เป็นสมาชิกสมาคมกว่า 1,000 รายทั่วประเทศเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่และการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ในอนาคตอันใกล้ พบว่า ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 65.17 ได้รับผลกระทบมากจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่เมื่อปีที่แล้ว โดยร้านค้าปลีกในกรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล และภาคกลางได้รับผลกระทบมากที่สุด 81.58% และ 91.75% ตามลำดับ และยังส่งผลให้สถานการณ์ปัญหาบุหรี่เถื่อนและความนิยมในยาเส้นมีระดับความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งมีปัจจัยมาจากภาษีและราคาบุหรี่ถูกกฎหมาย สภาพเศรษฐกิจ และกระแสนิยม หากมีการขึ้นภาษีบุหรี่อีกในเดือนตุลาคม 2562 อาจทำให้ราคาบุหรี่ที่ถูกที่สุดเริ่มต้นที่ 90-95 บาท ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่ร้อยละ 72.33 เห็นว่าต้องได้รับผลกระทบมากแน่นอน ส่วนแนวทางสำคัญที่สุดที่ร้านค้าร้อยละ 70.5 เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของร้านค้าได้มากคือชะลอการขึ้นภาษีในอัตรา 40% ออกไปก่อน และอย่าเพิ่งเก็บภาษีอื่นๆ เพิ่มจากสินค้าบุหรี่

 สมาคมจี้ชะลอปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่

                    “ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็ขึ้นภาษีบุหรี่ไปแล้วตั้งหลายครั้ง ทั้งภาษีกองทุนกีฬา 2% ภาษีเพื่อมหาดไทย 10% กองทุนผู้สูงอายุอีก 2% นี่ยังคิดจะเก็บบัตรทองอีก 2 บาท และวันก่อนก็มีข่าวว่าจะเก็บภาษีจากยาสูบ เข้าพ.ร.บ.ธนาคารที่ดินอีก เป็นการซ้ำเติมร้านค้าขนาดเล็กให้ค้าขายได้ยากลำบากมากขึ้น ขณะที่ร้านค้ารายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าเรา เท่ากับสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมมากยิ่งขึ้นสวนทางกับนโยบายของคสช.อย่างสิ้นเชิง” วราภรณ์กล่าว

                   ตัวแทนร้านโชห่วยร้านเจ้วรรณ  ย่านประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เผยว่า ปกติแล้วจะขายบุหรี่ไม่เกิน 1 พันบาทต่อวัน แม้จะดูเป็นเงินไม่มากนัก แต่สำหรับร้านค้าเล็กๆ เงินทุกบาททุกสตางค์ก็ถือว่าสำคัญ คนที่เข้ามาซื้อบุหรี่ก็จะซื้ออย่างอื่นด้วย ทำให้ขายสินค้าอย่างอื่นได้เพิ่มด้วย ทุกครั้งที่ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้น ลูกค้าก็บ่น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมเลิก ถ้าซื้อไม่ไหวลูกค้าก็จะเปลี่ยนไปสูบยาเส้นแทน กำไรที่ร้านค้าได้ก็น้อยลง

                    จากรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของร้านค้าปลีกถึงผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่และการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ในอนาคตอันใกล้ (1 ต.ค.2562)  โดยกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการร้านค้าปลีกที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสำรวจด้วยวิธีการสัมภาษณ์จากผู้ให้คำตอบโดยตรง  ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 18-29 มิถุนายน 2561 มีขนาดตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 1,088 หน่วยตัวอย่าง

                   พบว่าผู้ประกอบการร้านค้าปลีกที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ซึ่งมีอายุระหว่าง 46-55 ปี มากที่สุด และจำหน่ายร่วมกับสินค้าบริโภคอื่นร้อยละ 73.35  ส่วนใหญ่จำหน่ายได้เฉลี่ยต่อวัน 1-5 ซอง มีรายได้เฉลี่ยต่อวันไม่เกิน 1,000 บาท มากที่สุด โดยหลังมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่เมื่อ 16 กันยายน 2560 พบว่าผู้ประกอบการร้านค้าปลีกส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.17 ได้รับผลกระทบมากเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ 

                   ในรายงานระบุอีกว่าปัญหาบุหรี่เถื่อนหรือบุหรี่ที่มีการลักลอบนำเข้าถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่่มีผลต่อผู้ประกอบการร้านค้าปลีก เนื่่องจากมีราคาที่ถูกกว่า   โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ร้านค้าปลีก ผู้สูบบุหรี่ และโรงงานยาสูบ 

                 สำหรับสมาคมการค้ายาสูบไทย หรือ Thai Tobacco Trade Association (TTTA) ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม 2555 มีจุดประสงค์ในการสะท้อนมุมมองและความคิดเห็นของผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ผู้จัดจำหน่าย และผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ โดยมุ่งเน้นเสนอการแก้ไขปัญหาและข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจค้าปลีกยาสูบ ทั้งในด้านกฎหมายและกฎระเบียบ การจัดเก็บภาษี การต่อต้านการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมาย การรณรงค์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับยาสูบ เช่น การป้องกันเยาวชนจากการสูบบุหรี่ และกิจกรรมเพื่อสังคมในชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งเพื่อเป็นศูนย์กลางในการสื่อสารระหว่างผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาสูบ

                                                                      

  ชาวไร่ยาสูบร้องรัฐยับยั้งเก็บภาษีบุหรี่บัตรทอง 

             เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา สมาคมชาวไร่ยาสูบเพชรบูรณ์ จัดประชุมใหญ่ชี้แจงสถานการณ์อุตสาหกรรมกับสมาชิกเกือบ 1,000 คน หลังมีข่าวรัฐบาลพิจารณาขายการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ให้บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นพร้อมเรียกร้องยกเลิกร่างกฎหมายเก็บภาษีบุหรี่สมทบกองทุนบัตรทอง 2 บาทต่อซองและขอเลื่อนโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม 40% ที่มีผลบังคับใช้ตุลาคมปีหน้า( 2562) ออกไปก่อน 

             สงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวชี้แจงในที่ประชุมว่าเกษตรกรชาวไร่ยาสูบกว่า 7,000 ครอบครัวในจังหวัดกำลังเดือดร้อนจากผลกระทบของภาษีสรรพสามิตยาสูบ เพราะยสท. ประกาศลดปริมาณการรับซื้อใบยาจากชาวไร่ทุกสายพันธุ์ จ.เพชรบูรณ์ เคยได้รับโควตาปีละ 4.8 ล้านกก. แต่ปีนี้เหลือเพียง 2.5 ล้านกก. หรือลดลงไปเกือบ 48% ซึ่งทำให้ชาวไร่เดือดร้อน หมดอาชีพทำกินที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แถมรัฐบาลจะมาซ้ำเติมด้วยกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำร่างพ.ร.บ.จัดเก็บเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการภาครัฐ พ.ศ ... เพื่อจัดเก็บเงินสมทบจากผลิตภัณฑ์ยาสูบในอัตรามวนละ 10 สตางค์ หรือซองละ 2 บาท ยิ่งจะทำให้อุตสาหกรรมแย่ลงไปอีก บีบคั้นให้อาชีพของเราต้องหายไปจากจ.เพชรบูรณ์ สมาชิกของเรากว่า 850 คนเลยมาร่วมลงชื่อเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายนี้ พร้อมปล่อยลูกโป่งหวังส่งสัญญาณไปให้ถึงทำเนียบรัฐบาลว่า ตอนนี้เราก็เดือดร้อนอยู่แล้ว อย่ารังแกชาวไร่อีกเลย

                นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ จ.เพชรบูรณ์ ยังแสดงความกังวลต่อข่าวที่รัฐบาลอาจตัดสินใจขายยสท. ให้บริษัทบุหรี่ญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ ว่ารัฐบาลกำลังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด การที่ ยสท. ประสบภาวะขาดทุนจนต้องมาตัดโควตารับซื้อใบยาชาวไร่เป็นเพราะอัตราภาษีบุหรี่ที่สูงเกินไป อันที่จริงสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ไม่ยาก เพียงเลื่อนการขึ้นภาษีร้อยละ 40 ในเดือนตุลาคม 2562 ออกไปก่อน และอย่ามาเก็บภาษีสมทบกองทุนบัตรทอง หรือเลือกที่จะเก็บจากสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น สุรา เบียร์ รถยนต์ แทนบุหรี่ แทนที่จะคิดขายสมบัติของคนไทยให้ต่างชาติ

                 อ้าย แก่นนาค ชาวไร่ยาสูบใน อ.หล่มสัก ให้ความเห็นเพิ่มเติมในกรณีนี้ว่าการขึ้นภาษียาสูบแต่ละครั้งจะยิ่งทำให้อุตสาหกรรมยาสูบหดตัวลง ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือชาวไร่ยาสูบที่รายได้น้อยและไม่มีหนทางทำมาหากินอื่น การให้สวัสดิการด้านสุขภาพแก่ประชาชนเป็นเรื่องที่ดี แต่ทำไมต้องมาเจาะจงเก็บภาษีจากสินค้าบุหรี่เพียงอย่างเดียว อยากให้รัฐบาลยกเลิกการขึ้นภาษีร้อยละ 40 ปีหน้า และร่างกฎหมายพ.ร.บ.เก็บเงินสมทบ สปสช.บัตรทอง 2 บาทนี้ไปก่อน

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ