"เกษตรฯ"เร่งปรับพื้นที่ปลูกข้าวให้สมดุลกับความต้องการของตลาด เลิกนาปรังรอบสอง 2 ล้านไร่ ในพื้นที่ไม่เหมาะสมปลูก มาปลูกข้าวโพด กำไรดีกว่าไร่ละ1,114 บาท
17 สิงหาม 2561 "เกษตรฯ"เร่งปรับพื้นที่ปลูกข้าวให้สมดุลกับความต้องการของตลาด เลิกนาปรังรอบสอง 2 ล้านไร่ ในพื้นที่ไม่เหมาะสมปลูก มาปลูกข้าวโพด กำไรดีกว่าไร่ละ1,114 บาท"
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยถึงผลดำเนินงานตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ว่าได้ยกระดับราคาข้าวที่ชาวนาขายได้มีราคาสูงขึ้น รวมทั้งจะส่งเสริมการปลูกข้าวสี ข้าวเพื่อสุขภาพ และข้าวพื้นนุ่มเป็นการขยายตลาดใหม่ ช่วยเพิ่มมูลค่าของผลผลิตข้าว
ซึ่งแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 60/61 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทยที่ใช้นโยบายตลาดนำการผลิต โดยผลิตข้าวให้ตรงกับความต้องการของตลาดทั้งประเภทข้าวและปริมาณผลผลิต
"การปรับโครงสร้างการผลิตข้าวดังกล่าวทำให้อุปสงค์กับอุปทานมีความสมดุลกัน ราคาข้าวจึงมีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่อ่อนตัวลง ชาวนาขายข้าวได้ในราคาสูงขึ้น อีกทั้งการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มการผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน ทำให้ราคาข้าวปี 2561 ปรับสูงขึ้น ขณะนี้ชาวนาขายข้าวเปลือกเจ้าได้ตันละ 7,691- 8,162 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิราคาสูงขึ้นถึงตันละ 15,078 – 17,076 บาท"นายอนันต์ กล่าว
สำหรับแนวทางส่งเสริมการปลูกข้าวที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดได้แก่ ข้าวสี ข้าวเพื่อสุขภาพ และข้าวพื้นนุ่ม เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตและขยายตลาดเพิ่มเช่น ข้าวสังหยด ข้าวไรส์เบอรรี่ ข้าวพันธุ์ กข 43 ซึ่งมีดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพและผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมทั้งข้าวพันธุ์พื้นนุ่มได้แก่ พันธุ์กข 21 กข71 กข77 และพิษณุโลก 80 ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดจีน ในกลุ่มคนฐานะปานกลางถึงค่อนข้างดีเนื่องจากราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิ แต่อร่อยกว่าข้าวเจ้าทั่วไป
นายอนันต์ กล่าวว่า การปลูกข้าวจำเป็นต้องพักดินบ้าง อีกทั้งในฤดูแล้ง มีน้ำน้อย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังรอบสอง ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม 2 ล้านไร่ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าว และลดต้นทุนการผลิตของชาวนาเนื่องจากการปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมทั้งคุณภาพดินและขาดแคลนน้ำทำให้ต้นทุนการผลิตสูง ได้ผลผลิตต่ำ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบายปลูกพืชใช้น้ำน้อย อายุสั้น และเป็นที่ต้องการของตลาดทดแทนเช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว พืชผัก เป็นต้น
โดยจะสนับสนุนปัจจัยการผลิต ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การจัดสรรน้ำ รวมถึงการเชื่อมโยงตลาด ซึ่งจะมีผู้รับซื้อแน่นอน เกษตรกรจะมีรายได้สูงกว่าการขายข้าว อย่างเช่น การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้กำไรไร่ละ 1,450 บาท ขณะที่ข้าวนาปรังให้ผลตอบแทนไร่ละ 306 บาท ดังนั้นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ผลตอบแทนมากกว่าข้าวนาปรัง 1,144 บาท ซึ่งการสลับไปปลูกพืชอื่น ยังทำให้ดินได้พัก ธาตุอาหารที่ข้าวต้องการไม่ถูกดูดซึมไปใข้หมด และตัดช่วงการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช เมื่อถึงฤดูฝนกลับมาปลูกข้าวนาปี จะทำให้ข้าวเจริญเติบโตดีและให้ผลผลิตสูง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง