ข่าว

"บิ๊กฉัตร" รุดตรวจสอบสถานการณ์น้ำเขื่อนขุนด่านฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กฉัตร" รุดตรวจสอบสถานการณ์น้ำเขื่อนขุนด่านฯ

 
          "บิ๊กฉัตร" ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากจ.นครนายก  ย้ำขณะนี้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว   เผยเขื่อนขุนด่านปราการชลฯ ช่วยตัดยอดน้ำลดความรุนแรงที่เกิดขึ้น  สั่งการให้ติดตั้งระบบแจ้งเตือนภัยน้ำหลาก  และศึกษาแนวทางพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำนครนายกตอนบน


      วันที่ 15 ส.ค. 61 พลเอกฉัตรชัย  สาริกัลยะ  รองนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยภายหลังเดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนขุนด่านปราการชลฯ จ.นครนายก ว่า จากการรายงานของ สทนช. กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าเขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สามารถเก็บกับปริมาณน้ำส่วนใหญ่ที่เกิดจากฝนที่ตกหนักภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในช่วงวันที่ 13 สิงหาคม 2561 ทำให้ลดความรุนแรง และความเสียหายที่เกิดจากน้ำป่าไหลหลากในครั้งนี้ได้  
          “หากไม่มีเขื่อนขุนด่านปราการชล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปริมาณน้ำกว่า ๒0 ล้านลบ.ม. จะไหลลงสู่คลองท่าด่านมาสมทบกับปริมาณน้ำจากคลองวังตะไคร้  คลองมะเดื่อ คลองนางรอง และคลองสาริกา  สถานการณ์น้ำป่าจะรุนแรง สร้างความเสียหายมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน"  รองนายกรัฐมนตรีกล่าว  
        รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตั้งระบบแจ้งเตือนภัยน้ำหลากในพื้นที่ต้นน้ำ ในเขตอนุรักษ์ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ทันท่วงที  และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาแนวทางพัฒนาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำนครนายกตอนบน โดยเฉพาะในลำน้ำสาขาที่ยังไม่มีเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ เช่น คลองมะเดื่อ เพื่อเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) พิจารณาต่อไป

 


            นายสมเกียรติ  ประจำวงษ์  เลขาธิการ สทนช. กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาและบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำนครนายกตอนบนว่า หากจะให้เกิดความสมบูรณ์และเต็มศักยภาพในการพัฒนานั้น นอกจากจะต้องดำเนินโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชลฯ แล้ว จะต้องพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำสาขาของนครนายกตอนบนควบคู่ไปด้วย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการและควบคุมน้ำร่วมกับเขื่อนขุนด่านปราการชลฯ ซึ่ง สทนช. ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำบริเวณลุ่มน้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี ในพื้นที่จังหวัดนครนายกและปราจีนบุรี ด้วยแล้ว
              ทั้งนี้ จากการรายงานของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนขุนด่านปราการชล กรมชลประทาน พบว่า ก่อนที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลากในวันที่ 13 สิงหาคม 2561 เขื่อนขุนด่านปราการชลฯ มีปริมาณน้ำ 163 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 73 ของปริมาณความจุในระดับกักเก็บ หลังเกิดเหตุการณ์ทำให้มีปริมาณน้ำ  ในวันรุ่งขึ้นเพิ่มสูงขึ้นเป็น 174 ล้าน ลบ.ม.   คิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุ  ส่วนปริมาณน้ำในเช้าวันนี้ (15 ส.ค.61 06.00 น.) มีปริมาณน้ำ 183 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 82 ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 12.05 (ลดลงจากเมื่อวานประมาณ 1 ล้าน ลบ.ม.) มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 3.11  ล้าน ลบ.ม. (เท่าเมื่อวาน) ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้  และการระบายน้ำไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนแต่อย่างใด 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ