ข่าว

สทนช.สั่งเฝ้าระวัง"เบบินคา" 14-19 ส.ค. นี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สทนช.สั่งเฝ้าระวัง"เบบินคา" 14-19 ส.ค. นี้จัดทำแผนระบายน้ำในอ่างฯลดเสี่ยง

 
              สทนช. ระดมมันสมองประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สร้างความเป็นเอกภาพในการวิเคราะห์ สรุปข้อมูลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมสั่งเฝ้าระวัง พายุโซนร้อน "เบบินคา" ที่มีผลทำให้ฝนตกหนัก 14-19 ส.ค. นี้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาและ สสนก. คาดการณ์ พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังและกำหนดแผนรับมือพื้นที่เฝ้าระวัง-พื้นที่วิกฤติ โดยให้จัดทำแผนการระบายน้ำ ตลอดจนมาตรการลดความเสี่ยงอุทกภัย  สำรวจความแข็งแรงของเขื่อน  และสร้างการรับรู้ภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง


           วันที่ 14 ส.ค. 61 ดร.สมเกียรติ  ประจำวงษ์   เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)        เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำครั้งที่ 4/2561 ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ  อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู  กรมชลประทาน สามเสน ว่า  ที่ประชุมได้มีการสรุปผลและกำหนดทิศทางการดำเนินงานของศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ภายหลังจากการจัดตั้งศูนย์ฯขึ้นมาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 เพื่ออำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ติดตาม วิเคราะห์แนวโน้ม ควบคุม กำกับดูแล และ    บูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีเอกภาพ  โดยมีมติให้ตัวแทนหน่วยงานต่างๆ  ที่ประจำศูนย์ฯ ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ผลและร่วมกันสรุปให้ได้ข้อมูลชุดเดียวในการบริหารจัดการน้ำ และใช้เป็นฐานข้อมูลเดียวกันในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อมวลชนหรือช่องทางของหน่วยงานต่างๆให้ประชาชนรับทราบทันต่อสถานการณ์
                นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการกำหนดพื้นที่เฝ้าระวัง พื้นที่วิกฤติ พร้อมทั้งจะมีการคาดการณ์ปริมาณฝน ล่วงหน้า 3 วัน เพื่อระบุพื้นที่ฝนตกหนักระดับอำเภอ  รวมทั้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำได้แก่ ปริมาณน้ำไหลเข้า ปริมาณน้ำไหลล้นทางระบายน้ำล้น  และจัดทำแผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่มีระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ จัดทำมาตรการเตรียมความพร้อมลดความเสี่ยงอุทกภัย  กรณีการระบายน้ำฉุกเฉินของอ่างเก็บน้ำและกรณีเขื่อนวิกฤติ  ตลอดจนสำรวจความแข็งแรงของเขื่อน และสร้างการรับรู้ภาคประชาชนต่อเนื่อง
                ส่วนการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) และมีปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80  ของความจุ  ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเขื่อนนั้น ๆ เฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิดและบริหารจัดการน้ำเพื่อรับน้ำฝนที่อาจเกิดขึ้น โดยให้จัดทำแผนเผชิญเหตุ แผนระบายน้ำเช่นเดียวกันกับกรณีของเขื่อนแก่งกระจาน  โดยทั้งนี้ขอให้มีการรายงานสถานการณ์น้ำแยกเป็น รายวัน กรณีปกติ ราย 3 ชั่วโมง กรณีเกินเกณฑ์ระดับควบคุมอ่างเก็บน้ำ รายชั่วโมง กรณีน้ำล้นทางระบายน้ำล้น รวมทั้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำได้แก่ ปริมาณน้ำไหลเข้า ปริมาณน้ำไหลล้นทางระบายน้ำล้น แผนการระบายน้ำ  อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาประจำศูนย์ตลอด 24 ชั่วโมง
                เลขาธิการ สทนช. กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้สรุปสถานการณ์น้ำล่าสุดว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศว่า พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งของประเทศจีนตอนใต้ได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน "เบบินคา" (BEBINCA)  คาดว่า จะเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 15-16 สิงหาคม 2561 จะทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 4 เมตร จากสถานการณ์ดังกล่าวคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำในเขื่อน และในแม่น้ำสายสำคัญในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีระดับน้ำน้อย ภาคกลางและใต้มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก  ส่วนแม่น้ำโขง แม้ขณะนี้จะมีระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งแต่ก็จะเพิ่มขึ้นได้หากไม่ฝนตกหนัก ซึ่งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  อย่างไรก็ตามในส่วนของลุ่มน้ำเพชรบุรี จะมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนแก่งกระจาน และไหลผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ลดลง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี มีแนวโน้มลดลงตามการระบายน้ำจากเขื่อน


                สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ  ยังคงเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ 3 แห่งที่มีปริมาณน้ำ         ในอ่างเก็บน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ คือ  เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร  และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี รวมถึงอ่างขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีปริมาณน้ำ 100%        

                ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสำคัญ ๆ  ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญลำน้ำสายหลักเพิ่มขึ้น  ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่ฝนตกน้อยส่งผลให้แม่น้ำมูลตอนบนมีระดับน้ำต่ำ  สำหรับภาคกลางและภาคใต้มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก  ด้านแม่น้ำโขง ขณะนี้มีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง เนื่องจากปริมาณน้ำจากประเทศลาวไหลลงแม่น้ำโขงลดลง แต่มีแนวโน้มอาจจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อน "เบบินคา" สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วม ได้แก่ ริมแม่น้ำเพชรบุรี บริเวณ อ.แก่งกระจาน อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.เมือง  อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี แม่น้ำกระบุรี  บริเวณ อ.กระบุรี อ.ละอุ่น และ อ.เมืองระนอง จังหวัดระนอง แม่น้ำตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา และพื้นที่เฝ้าระวังจากการเร่งระบายน้ำ  
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ