2 มหาวิทยาลัย ขออนุญาตใช้ที่ดิน ส.ป.ก. รวมเกือบ 600 ไร่ สร้างสถานีวิจัยและพัฒนาเกษตรกร
วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ครั้งที่ 2/2561 ณ ห้องประชุมไชยยงค์ ชูชาติ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ โดยมีนายสุรจิตต์ อินทรชิต เลขาธิการ ส.ป.ก. เป็นเลขานุการ พร้อมด้วย พันจ่าเอกประเสริฐ มาลัย และนางสมพร ทองทั่ว รองเลขาธิการ ส.ป.ก. และหัวหน้าส่วนราชการจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า “ในวาระ การขออนุญาตใช้ที่ดินเพื่อกิจการสาธารณูปโภคและกิจการอื่นๆ ในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 2 เรื่อง คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขออนุญาตใช้ที่ดินเพื่อสร้างสถานีวิจัยลพบุรี สังกัดศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร คณะเกษตร ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดลพบุรี ตำบลยางราก อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ 357-1-96 ไร่ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ขออนุญาตใช้ที่ดินเพื่อสร้างสถานีวิจัยและพัฒนาเกษตรกร และศูนย์พัฒนาอาชีพและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 349-1-19 ไร่ นั้น ขอให้มหาวิทยาลัยฯ ทำแผนมาดูว่าการจะใช้ที่ดินของ ส.ป.ก. ตั้งสถาบันวิจัย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน จะได้ประโยชน์อย่างไร อยากให้นำไปเป็นปัญหาในการวิจัย
โดยในที่ ส.ป.ก. นั้น ต้องเน้นพืชผสมผสาน ไม่ใช่พืชเชิงเดี่ยว ขอให้ศึกษารายละเอียด เพื่อทำแผนกลับมานำเสนอภายใน 1 เดือน ประเทศชาติต้องได้ประโยชน์ เกษตรกรต้องได้ประโยชน์ และมหาวิทยาลัยต้องได้ประโยชน์ เช่นกัน
รมช. กษ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้ มีเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก 3 เรื่อง คือ 1. ระบบบริหารการปฏิรูปที่ดิน ขณะนี้ ส.ป.ก. มีพื้นที่กว่า 40 ล้านไร่ มีเกษตรกร 2.8 ล้านครัวเรือน ซึ่งที่ดินที่มีอยู่นั้น ได้เสื่อมสภาพลงไปตามกาลเวลาและสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. จะต้องปฏิรูปการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และปฏิรูปเกษตรกรอย่างจริงจัง เนื่องจากที่ดินมีเท่าเดิม แต่เกษตรกรมีอายุมากขึ้น คนรุ่นใหม่ไม่อยากทำการเกษตร ตลาดสินค้าเปลี่ยน การศึกษา จะเปลี่ยน ส.ป.ก. จะต้องคิดและวางแผนว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง เพื่อให้ทันต่อสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป 2.การปรับกฎหมายที่บังคับใช้กับ ส.ป.ก. ต้องปรับเปลี่ยนตามสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน และสุดท้าย 3.กองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่มีวงเงินอยู่ประมาณ 3,500 ล้านบาท จะปรับการบริหาร ปรับโครงสร้าง ปรับคนอย่างไร เพื่อให้กองทุนฯ มีศักยภาพในการปฏิรูปงานปฏิรูปที่ดินได้ เป็นเรื่องที่ ส.ป.ก. จะต้องปรับเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
ทั้งนี้ ส.ป.ก. ได้รายงานความก้าวหน้าโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล และความก้าวหน้า การดำเนินงานพื้นที่ยึดคืนตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 36/2559 รายงานความก้าวหน้าการรับคำขอความยินยอมหรือ ขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามกฎกระทรวง และรายงานผลความก้าวหน้ากรอบแผนงานและงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2562 เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง