ข่าว

ชู "ศาสตร์พระราชา" ทวงคืนผืนป่าต้นน้ำ "น่าน" 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชู "ศาสตร์พระราชา" ทวงคืนผืนป่าต้นน้ำ "น่าน" 

            ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สภาพพื้นที่ป่าต้นน้ำ 13 จังหวัดภาคเหนือซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาประสบภาวะวิกฤติอย่างหนัก จากการถูกบุกรุกทำลายครอบคลุมพื้นที่กว่า 8.6 ล้านไร่และมีราษฎรอาศัยอยู่ในพื้นที่บุกรุกกว่า 800,000 รายจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงจากการบุกรุกทำลายพื้นที่ต้นน้ำก่อให้เกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลากและดินโคลน อีกทั้งพบว่ามีการใช้สารเคมีจำนวนมากเพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยวทำให้เกิดปัญหาการไหลเปื้อนของสารเคมีจากยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงสู่พื้นที่ราบ
               ล่าสุด  นายวิวัฒน์   ศัลยกำธร   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ได้เดินทางไปในจังหวัดน่าน    เพื่อเปิดงาน"เอามื้อจอบแรกที่น่าน" เป็นโมเดลนำร่องในการหยุดยั้งพื้นที่ปลูกข้าวโพดกว่า 4 ล้านไร่ในพื้นที่ 13 จังหวัดภาคเหนือ ตามยุทธ์ศาสตร์ฟื้นป่าต้นน้ำตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แก้ปัญหาเขาหัวโล้นตามศาสตร์พระราชาโดยมีภาคีเครือข่ายและแกนนำชาวบ้านที่มีความสนใจจะปรับเปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยวมาทำทฤษฎีใหม่ประยุกต์ เข้าร่วมกว่า 600 คน ณ. ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.นาน้อย จ.น่าน

               นายวิวัฒน์ กล่าวว่า    จากวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดน่านและพื้นที่ภาคเหนือในหลายจังหวัด  คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7กรกฎาคม2560  จึงได้มีมติเรื่องแนวทางการจัดการป่าเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) โดยใช้ 3 แนวทางในการกอบกู้วิกฤติการณ์ดังกล่าว คือ 1) การควบคุมดูแลพื้นที่ 2) การดูแลคน และ 3) การพัฒนาด้านการเกษตร ภายใต้ "ยุทธศาสตร์การบูรณาการจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน(เขาหัวโล้น) โดยวางเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนพื้นที่ป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพที่สูงชันอย่างยั่งยืนและวางเป้าหมายในการดำเนินการ 4 ด้าน คือ 1) ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้าเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชันไม่น้อยกว่า 8.6 ล้านไร่ ภายในระยะเวลา 20 ปี 2) พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชนในพื้นที่สูงให้สามารถอยู่ได้อย่างพอเพียงและยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ3) เร่งสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและ4) ลดมูลค่าความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน    ซึ่งกระทรวงเกษตรฯจะเร่งดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้สำเร็จตามเป้าหมายให้เร็วที่สุด

                นายวิวัฒน์    กล่าวด้วยว่า    ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯจะนำแนวทางศาสตร์พระราชาในการกอบกู้วิกฤติดังกล่าวโดยการร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและชาวบ้านในชุมชน  ในการอาสาลงแรงจับจอบสร้างระบบน้ำในพื้นที่เขาหัวโล้นตามหลักการออกแบบพื้นที่เพื่อการจัดการน้ำ ซึ่งระบบดังกล่าวเกษตรกรหลายพื้นที่ได้นำไปทำแล้วพบว่าประสบผลสำเร็จ    สามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างน้อย 3 เท่า    สามารถปลูกพืชผักสร้างพอมี   พอกินในครัวเรือน และประสานภาคเอกชน ยกระดับมาตรฐาน พัฒนาเป็นสินค้าชุมชนจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด สามารถลดพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว คืนผืนป่ากลับมาได้เนื่องจากใช้พื้นที่น้อยลง   เพราะมีการกักเก็บน้ำตามศาสตร์พระราชาที่ประยุกต์ให้เหมาะสมกับภูมิสังคมจังหวัดน่าน จำเป็นต้องเร่งทำรูปธรรมความสำเร็จเพื่อเป็นแบบอย่าง

                "ที่ผ่านมาชาวบ้านปลูกพืชเชิงเดี่ยวตามกระแสโลก   ถูกชักชวนปลูกข้าวโพด    เพื่อลูกมีกิน แต่มีหนี้สินเพิ่ม ป่าหาย ซึ่งชาวบ้านไม่ได้ผิด ต้องใช้แนวทางพลังสามัคคี ในพื้นที่มีความร่วมมือรูปแบบประชารัฐ แนวทางพระเจ้าอยู่หัว ทำแบบคนจน ลงแขกกัน จอบแรก จะเกิดจอบต่อไป ป่าอยู่รอด คนอยู่รอด ทุกจังหวัดขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผมจะใช้เวลา3 วันต่อสัปดาห์ไปทำทุกพื้นที่ วางฐานรากประเทศให้รัฐบาลต่อไปให้ได้" นายวิวัฒน์  กล่าว

                ด้านนายสัตวแพทย์ไพโรจน์   เฮงแสงชัย  อธิบดีกรมหม่อนไหม  กล่าวว่า    ในส่วนของกรมหม่อนไหมได้เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชนปลูกหม่อนเป็นอาชีพเพื่อสร้างได้ในครอบครัว  ซึ่งขณะนี้กรมกำลังของบประมาณ 30 ล้านในการนำมาส่งเสริมเกษตรกร 800ราย ในพื้นที่ 2.4 พันไร่      แบ่งเป็นพื้นที่น่าน 200 รายและพื้นที่ภาคเหนือข้างเคียงอีก 600 ราย   โดยเน้นปลูกในพื้นที่ข้าวโพดเดิมที่ไม่ลาดชันอยู่ในต้นน้ำ 3-4 ขั้น  รวมทั้งได้วางแผนการตลาดโดยได้ประสานงานกับบริษัท ขอนแก่น สาวไหม จำกัดเข้ามาทำตลาดในรูปแบบเกษตรพันธสัญญา (contract farming) ไว้แล้วด้วย  ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีความต้องการผลผลิตจำนวนมาก  โดยวางเป้าในน่านไว้ที่ 120 ตัน     ซึ่งหากประสบความสำเร็จในพื้นที่น่านก็เตรียมนำไปขยายผลในพื้นที่ภาคเหนืออื่นๆต่อไปโดยวางเป้าขยายพื้นที่ปลูกต่อไปในจังหวัดน่านและอื่นให้ได้ 1.5 พันไร่   
                นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน   กล่าวว่า   ในส่วนของกรมพัฒนาที่ดินส่งทีมหมอดินเข้าไปให้ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการฟื้นฟูดินอย่างถูกหลักวิชาการแก่คนในชุมชน เผื่อลดปัญหาดินเสื่อมโทรมให้เกษตรกรและช่วยเกษตรกรลดต้นทุนในการเพาะปลูก  เป็นที่ทราบว่าพื้นที่ภาคเหนือมีการชะล้างพังทลายสูง   เพราะว่าเกษตรกรทำการเกษตรอย่างผิดวิธี พอผิดวิธีแล้วมันก็จะสร้างปัญหาทำให้ห้วยหนองคลองบึงตื้นเขินมากขึ้น แล้วก็ทำให้สภาพหน้าดินชะล้างมากขึ้นการทำการเกษตรก็จะผิดวิธีแล้วก็จะทำให้ธาตุอาหารหมดไป ดังนั้นหากมีความลาดชันมากกรมก็จะจัดการรักษาน้ำ 2ระบบ  คือวิธีกลกับวิธีพืช   โดยจะนำวิธีกลแก้ปัญหาในพื้นที่ที่มีความลาดชันมาก   เช่น ทำคันคูรับน้ำ ทำคันดิน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ให้กับสภาพพื้นที่     ส่วนพื้นที่ที่มีความลาดชันน้อยก็เลือกใช้วิธีระบบพืช     โดยการปลูกหญ้าแฝกป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน

                ทั้งหมดคือการบูรณการครั้งสำคัญของหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ   ในการพลิกฟื้นวิกฤติเขาหัวโล้นและป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพจากการบุกรุกทำลายในพื้นที่จังหวัดน่านและ13จังหวัดพื้นที่ภาคเหนือให้กลับคืนสมบูรณ์เหมือนเดิม

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ