หมาบนหลังคา

        ธรรมดาแล้วเราก็จะคุ้นเคยกับเสียงอึกทึกครึกโครมบนหลังคาบ้าน อันเนื่องมาจากการสู้รบปรบมือของไอ้หง่าว เจ้าเหมียวที่ตบตีกันเพื่อแย่งเจ้าสาว หรือไล่ผู้รุกราน บ้านหลังคาสมัยใหม่เป็นกระเบื้องก็ไม่สู้กระไร แต่ถ้าเป็นหลังคาสังกะสีละยิ่งสนั่นครั่นครืนใหญ่เพราะเสียงกรอบแกรบของหลังคาสังกะสีนั่นเองจนไม่เป็นอันหลับนอนล่ะ

    แต่หมาที่จั่วหัวถึงวันนี้ มิได้เป็นพวกที่อยู่บนหลังคาบ้านเช่นแมวข้างต้น ทว่าเป็นหมาอันมีถิ่นฐานกำเนิดบนหลังคาของโลกจริงๆ

    บริเวณหลังคาโลก ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของโลก ได้แก่ เทือกเขาหิมาลัย ประกอบไปด้วย 3 ประเทศหลัก ได้แก่ ทิเบต เนปาล และภูฏาน

    “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” ถูกต้องแล้ว เมื่อสูงที่สุดในโลกก็แทบจะหนาวสุดๆ ผมมีโอกาสไปเยือนประเทศภูฏาน จึงมีโอกาสพบเห็นและได้รับข้อมูล “หมา” สัตว์เลี้ยงพื้นถิ่นของชาวหลังคาโลกมาถ่ายทอดในแง่มุมที่น่าทึ่ง และน่าห่วงใย

    หมาบนหลังคาโลกนี้จัดเป็นหมาพันธุ์ใหญ่จนยักษ์ใช้ในการคุ้มครองทรัพย์สิน โดยฉพาะอย่างยิ่งฝูงสัตว์ เพราะชาวหิมาลัยเป็นพวกที่เลี้ยง “จามรี” เป็นปศุสัตว์ อาศัยกินนม เนื้อ และใช้ขนเป็นเครื่องนุ่งห่ม ชนใดเลี้ยงสัตว์ ชนกลุ่มนั้นมักต้องมีหมาต้อนสัตว์เฝ้าสัตว์อยู่ช่วยด้วย เช่น ร็อตไวเลอร์ คอลลี ฯลฯ 

     หมาหลังคาโลกถูกจัดเป็นหมาในกลุ่มมาสตีฟฟ์เช่นกัน มักเรียกรวมๆ ว่าหมามาสตีฟฟ์หิมาลัย ซึ่งอาจแบ่งย่อยตามถิ่นโดยมีความแตกต่างที่รูปร่างกันไปบ้าง ได้แก่ มาสตีฟฟ์ทิเบต มาสตีฟฟ์เนปาล และมาสตีฟฟ์ภูฏาน ตัวที่ดังที่สุดและกลายเป็นหมาที่ราคาค่าตัวแพงที่สุดในโลก มูลค่านับล้านๆ บาท คือหมามาสตีฟฟ์ของทิเบต มันถูกนำไปพัฒนาและขยายพันธุ์จนเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ในประเทศจีน

     ภูฏานเป็นเมืองพุทธเหมือนๆ บ้านเรา แต่คนละนิกาย ภาพหนึ่งที่พบในเมืองเตะตาเปรี้ยงก็คือ “หมาจรจัด” ทั่วเมือง เกลื่อนกลาด ทุกแห่งหน ถามสัตวแพทย์ของรัฐดูได้ความว่าเขาไม่มีนโยบายกำจัด จึงทำเพียงจับมาคุมกำเนิด ฉีดวัคซีน (ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หรือเรบี้ส์) ทำเครื่องหมายโดยการเจาะใบหูให้รู้ว่าผ่านขั้นตอนมาแล้ว จากนั้นปล่อยกลับไป จำนวนหมาจรจึงยังมีให้เห็นมากมายทั้งในเมืองชนบทและชายป่า !!!