ข่าว

“กล้วยไม้” กับความรักที่ไร้พรมแดน ตอน 5

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย - ศ.ระพี สาคริก

  ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว 

      ฉันจับหลักในการค้าพืชผลมีชีวิต โดยถือสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่คล้ายคลึงกัน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวอย่างของการดำเนินชีวิตในต่างแดนที่ต้องเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ แปลกๆ ค่ำวันนั้นฉันไปบรรยายในสมาคมกล้วยไม้ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ที่เมืองนั้นมีคนสนใจกล้วยไม้ของไทยอย่างกว้างขวาง

      มันสอนให้ฉันจำหลักจริงในการหาตลาดการค้าได้ว่า ในท้องถิ่นที่มีสภาพแวดล้อมธรรมชาติคล้ายกับเมืองไทย ย่อมมีโอกาสที่จะเป็นตลาดการค้ากล้วยไม้ของไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติ

      ค่ำวันนั้นมีนักกล้วยไม้หนุ่มคนหนึ่ง เขาถูกมอบหมายให้มาดูแลฉัน จนกระทั่งก่อนปิดรายการเขาถามฉันว่า “ท่านสนใจที่จะไปดูเขาแข่งหมากันไหมล่ะ?” ฉันตอบไปด้วยความเกรงใจและความสนใจอีกนิดหน่อยว่า “ไปก็ได้” ช่วงนั้นกำลังเป็นฤดูแข่งหมา การจะซื้อตั๋วแทงหมาแข่งอาจซื้อได้จากศูนย์การค้าแทบทุกแห่ง

     ฉันได้รับการบอกเล่าว่า การแข่งหมามันรุนแรงยิ่งกว่าการแข่งม้า เพราะมันรวดเร็วมากช่วงเวลาในรอบหนึ่งๆ ผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่วินาที นอกจากนั้นถ้าเป็นม้าแข่งจะคุมด้วยจ๊อกกี้ที่ขี่อยู่บนหลัง แต่ถ้าเป็นหมาแข่งจะถูกคุมด้วยกระต่ายไฟฟ้าที่วิ่งล่อหมาด้วยความเร็วสูงอยู่รอบสนาม

    ถ้าเป็นม้าแข่ง คนที่ขี่อยู่บนหลังอาจดึงให้ม้าช้าหรือเร่งให้ม้าเร็วก็ได้ แต่ถ้าเป็นหมาคนที่คุมกระต่ายไฟฟ้ามันรวดเร็วเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรู้สึกได้ แม้อัตราการวิ่งของกระต่ายที่สะดุดหยุดเพียงเล็กน้อยไม่กี่วินาที หมาจะรู้สึกแต่คนดูก็ไม่อาจรู้สึกได้ นี่แหละคือเกมการพนันที่แฝงอยู่ภายใต้การแข่งหมา

     จากการพนันถึงอารมณ์ขำของคนชอบถ่ายภาพ ปกติฉันเป็นคนชอบถ่ายภาพ ดังนั้นจะสังเกตเห็นได้ว่าไปที่ไหนก็ตามฉันมักมีกล้องถ่ายภาพคล้องคอไปด้วย ไม่เพียงแต่การถ่ายภาพเพื่อเก็บข้อมูลเท่านั้น หลายครั้งหลายหนฉันชอบถ่ายธรรมชาติของคน ซึ่งแสดงออกโดยไม่รู้สึกตัว

    ดังเช่นเข้าไปในสนามแข่งหมาก็ดี แม้เข้าไปในสนามแข่งม้าเพราะถูกชวนให้เข้าไป เปล่าเลย ฉันไม่สนใจแทงหมา หรือแทงม้า แต่สนใจคนแทงที่ออกท่าออกทางในขณะที่หมาหรือม้ากำลังแข่งกันโดยไม่รู้สึกตัว บางคนถึงกับแหกปากร้องตะโกน คนเหล่านี้มักยืนขึ้นกระโดดโลดเต้น และทำท่าทางต่างๆ ซึ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่คิดจะคุมตัวเองให้อยู่ในสภาพปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งฉันถูกจับได้ แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ถือสาอะไร เพียงแต่นำมาพูดแล้วก็หัวเราะกัน ครั้นถึงวันรุ่งขึ้น

      หลังจากบรรยายเรื่องกล้วยไม้เสร็จแล้ว ค่ำวันนั้นชายหนุ่มคนนั้นเขาก็มารับฉันไปดูแข่งหมา ส่วนตัวเขาเองหายหน้าไปประมาณครึ่งชั่วโมง โดยปล่อยให้ฉันนั่งอยู่คนเดียวในกลุ่มผู้คนอย่างหลากหลาย หลังจากนั้นก็เดินหน้าแห้งกลับมาหาฉัน ทำให้รู้ว่าเขาแอบไปแทงหมาจนหมดกระเป๋า แล้วเขาก็บ่นว่า “ฉันยังไม่รู้เลยว่ากลับบ้านไปแล้วจะถูกแม่เอ็ดรึเปล่า” 

                                                  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ