ข่าว

บูรณาการใช้“ศาสตร์พระราชา”แก้ปัญหาลุ่มน้ำยม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บูรณาการใช้“ศาสตร์พระราชา”แก้ปัญหาลุ่มน้ำยม

 
                ลุ่มน้ำยม เป็น 1 ใน 25 ลุ่มน้ำหลักของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 23,618 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 10 จังหวัด คือ พะเยา นลำปาง แพร่ ตาก กำแพงเพชร  สุโขทัย  พิษณุโลก พิจิตร และนครสรรค์ ลักษณะของลุ่มน้ำนี้จะวางตัวตามแนวเหนือ-ใต้  ทิศเหนือเริ่มจากทิวเขาผีปันน้ำติดกับลุ่มน้ำโขง ทิศใต้ติดกับลุ่มน้ำปิง  ทิศตะวันตกติดกับลุ่มน้ำวังและลุ่มน้ำปิง   ทิศตะวันออกติดกับลุ่มน้ำน่าน  โดยมีแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายหลักของลุ่มน้ำ
                แม่น้ำยม มีต้นกำเนิดจากดอยขุนยวมในทิวเขาผีปันน้ำ  ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดพะเยา  ไหลผ่านหุบเขาที่มีความลาดชัน  มีที่ราบแคบๆ ริมแม่น้ำ  จากนั้นไหลออกสู่ที่ราบในจังหวัดแพร่  และไหลเข้าสู่หุบเขาทางตะวันตก แล้วไหลลงใต้เข้าสู่ที่ราบที่จังหวัดสุโขทัย  แม่น้ำยมจะไหลคู่ขนานมากับแม่น้ำน่าน  จากนั้นจะไหลผ่านจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิจิตร แล้วไหลมาบรรจบกับแม่น้ำน่านที่จังหวัดนครสวรรค์  
                อย่างไรก็ตามลุ่มน้ำยม  เป็นลุ่มน้ำที่มีปัญหาเรื่องน้ำ  ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมหรือน้ำแล้งค่อนข้างรุนแรง  เนื่องจากขาดแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบน เพื่อช่วยชะลอและเก็บกักน้ำไว้   ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูน้ำหลาก แต่พอเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ว ก็จะเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำทันที ชาวบ้านต้องนำดินลงไปทำฝายกันน้ำชั่วคราวเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ ส่งผลให้ปริมาณตะกอนดินในแม่น้ำยมมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่งก็จะเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ  โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำยมตอนล่าง
                ลุ่มน้ำยมตอนล่าง เริ่มตั้งแต่จังหวัดสุโขทัย ลงมาจนถึงจังหวัดพิจิตร และนครสวรรค์   มีสภาพการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกันค่อนข้างมากระหว่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้ำยม ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำยม (พื้นที่ระหว่างแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน) จะมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบอยู่ในเขตพื้นที่ชลประทาน   โดยรับน้ำมาจากแม่น้ำน่าน ที่มีเขื่อนสิริกิติ์ เและเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เป็นแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนขนาดใหญ่  ทำให้พื้นที่ฝั่งซ้ายมีความอุดมสมบูรณ์    
                ขณะที่พื้นที่ฝั่งขวาของแม่น้ำยม  แม้จะมีสภาพเป็นพื้นที่ราบเช่นเดียวกันแต่อยู่นอกเขตพื้นที่ชลประทาน ทำให้ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำที่รุนแรงทุกปี  ในปัจจุบันในแม่น้ำยมตอนล่าง มีการสร้างฝายเพื่อเก็บกักน้ำไว้ในลำน้ำหลายแห่ง เช่น ฝายสามง่าม และฝายพญาวัง เป็นต้น  จากนั้นก็จะสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเข้าสู่พื้นที่การเกษตร  อย่างไรก็ตามในช่วงฤดูแล้งเกือบตลอดแนวแม่น้ำยมตอนล่าง ลำน้ำมีสภาพแห้งขอด จำเป็นจะต้องบริหารจัดการน้ำร่วมกันกับลุ่มน้ำน่านที่มีศักยภาพความพร้อมมากกว่าเนื่องจากมีแหล่งน้ำต้นทุนขนาดใหญ่ สามารถควบคุมการบริหารน้ำได้   ในช่วงฤดูน้ำหลาก ก็ชะลอการปล่อยน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เพื่อที่จะผันน้ำจากแม่น้ำน้ำยมไปยังแม่น้ำน่านให้ช่วยระบายน้ำได้ปริมาณที่มากขึ้น ส่วนฤดูแล้งก็ผันน้ำจากลุ่มน้ำน่านมาช่วยบรรเทาความเดือนร้อนจากการขาดแคลนน้ำของลุ่มน้ำยม
             อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการน้ำตามแนวทางดังกล่าว สามารถแก้ปัญหาได้บางส่วนเท่านั้น จำเป็นจะต้องพัฒนาอาคารบังคับน้ำ  ไม่ว่าจะเป็นฝาย หรือประตูระบายน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มขึ้น เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำยมตอนล่าง และการบริหารจัดการร่วมกับลุ่มน้ำน่านมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
            ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์  รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานมีแผนที่จะสร้างอาคารบังคับน้ำ ประเภทประตูระบายน้ำ ในแม่น้ำยมตอนล่างเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่งซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ประกอบด้วย
    1. โครงการประตูระบายน้ำท่าแห ตำบลกำแพงดิน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร  เป็นประตูระบายน้ำคอนกรีต เสริมเหล็กบานระบาย ชนิดบานโค้ง ขนาด 10.00 x 9.00 เมตร จำนวน 4 ช่อง  สามารถเก็บกักน้ำในลำน้ำได้ 16.75 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) มีพื้นที่รับประโยชน์  81,111 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ตำบล     บางระกำ ตำบลปลักแรด  ตำบลวังอิทก ตำบลพันเสา ตำบลบ่อทอง ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และ ตำบลกำแพงดิน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร 
    2. โครงการฝายบ้านวังจิก  ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นประตูระบายน้ำคอนกรีตเสริม เหล็กบานระบายชนิดบานโค้ง ขนาด 12.50 x 8.00 เมตร จำนวน 5 ช่อง สามารถเก็บกักน้ำในลำน้ำได้ 6.63 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ 37,397 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านนา อำเภอวชิรบารมี ตำบลรังนก ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม ตำบลวังจิก ตำบลไผ่รอบ ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร 
    3. โครงการประตูระบายน้ำท่านางงาม ตำบลท่านางงาม อำบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เป็นประตูระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กบานระบายชนิดบานโค้ง ขนาด 12.50 x 8.00 เมตร จำนวน 5 ช่อง สามารถเก็บกักน้ำในลำน้ำได้ 8.24 ล้านลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์  52,875 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ตำบลชุมแสงสงคราม ตำบลท่านางงาม ตำบลคุยม่วง ตำบลบางระกำ ตำบลบึงกอก อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก 
    และ4. โครงการประตูระบายน้ำโพธิ์ประทับช้าง ตำบลไผ่ ท่าโพ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นประตูระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก บานระบาย ชนิดบานโค้ง ขนาด 10.00 x 9.00 เมตร จำนวน 4 ช่อง สามารถเก็บกักน้ำในลำน้ำได้ 3.71 ล้าน ลบ.ม.มีพื้นที่รับประโยชน์ จำนวน  28,263 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ตำบลวังจิก  ตำบลไผ่ท่าโพ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง ตำบลบางลาย อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร 
               “การดำเนินการศึกษา EIA อาคารบังคับน้ำทั้ง 4 แห่งในลุ่มน้ำยมตอนล่างดังกล่าว  ได้ศึกษาครอบคลุมในทุกๆด้าน ทั้งทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม   โดยให้ประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน ตลอดจนหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น นำเสนอข้อมูล ข้อโต้แย้ง หรือข้อเสนอแนะต่างๆ ปรากฏว่าประชาชนในพื้นที่แทบทุกคนเห็นด้วยที่จะให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างโดยเร็ว ทั้งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ จากนั้นจะสรุปเรื่องนำเสนอต่อ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)  หากไม่ติดปัญหาอะไร น่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2562 ” รองอธิบดีกรมชลประทานกล่าว
                       พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9  เคยพระราชทานแนวพระราชดำริ “ศาสตร์พระราชา” ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งซ้ำซากแบบยั่งยืน ว่า

                     “...ต้องมีการดำเนินการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบครบวงจร ทั้งการก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ อ่างเก็บน้ำสาขาของแม่น้ำยม การผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ ตลอดจนการขุดลอกคูคลอง หนอง บึง เพื่อกักเก็บน้ำและระบายน้ำในช่วงหน้าน้ำหลาก..."

                     กรมชลประทานได้นำ “ศาสตร์พระราชา” มาแก้ปัญหาลุ่มน้ำยม ทั้งดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในสาขาของลุ่มน้ำยมแล้วหลายแห่ง  และกำลังจะดำเนินการก่อสร้างอีกหลายแห่ง  การผันน้ำเชื่อมโยงระหว่างลุ่มน้ำน่านกับลุ่มน้ำยมก็ดำเนินการแล้ว   การขุดลอกคูคลอง หนอง บึง เพื่อกักเก็บน้ำก็ดำเนินการแล้วเช่น  ยิ่งกว่านั้นยังได้ต่อยอดวางแผนดำเนินโครงการแก้มลิงพื้นที่ลุ่มต่ำเหนือ จังหวัดนครสวรรค์  ซึ่งจะมีมากถึง 69 แห่ง  ในเขตจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ สามารถเก็บกักน้ำไว้ชั่วคราวเพื่อรอการระบายได้ 2,049 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) อีกด้วย 
 
 
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ