ข่าว

ภาคเกษตรปี 60 ขาขึ้น สศก. คาด โต 2.5 - 3.5 %

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ภาคเกษตรปี 60 ขาขึ้น สศก. คาด โต 2.5 - 3.5 %

 

            สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดปี 2560 ภาคเกษตรขยายตัว 2.5 - 3.5 ทุกสาขาส่งสัญญาณทิศทางดี แจงมุมวิเคราะห์รายภาค ระบุ ภาคใต้ ขยายตัวสูงสุด ร้อยละ 3.6 – 4.6 จากการขยายตัวของสาขาพืชและสาขาประมงเป็นหลัก ระบุ มีปัจจัยบวกหนุนหลายประการ ทั้งสภาพอากาศ นโยบายเกษตรฯ และเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น

           นางสาวจริยา  สุทธิไชยา  เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการวิเคราะห์และประมาณการณ์ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรตลอดปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.5 - 3.5 เมื่อเทียบกับปี 2559 โดยทุกสาขาการผลิตทั้งพืช ปศุสัตว์ ประมง บริการทางการเกษตร และป่าไม้ มีแนวโน้มขยายตัว มีปัจจัยเชิงบวกหลายประการ อาทิ สภาพอากาศและปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตมากกว่าปีที่แล้วซึ่งประสบภัยแล้ง  และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มทิศทางที่ดีขึ้น และแนวโน้มความต้องการสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารและแปรรูปอุตสาหกรรมอื่นเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก และสอดคล้องกับสต๊อกผลผลิตโลกที่ลดลง รวมถึงการดำเนินนโยบายและมาตรการด้านการเกษตรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องของรัฐบาล รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 2560 ที่มีทิศทางดีขึ้น

             ปัจจัยเกื้อหนุนในประเทศที่สำคัญมาจากนโยบายขับเคลื่อนและปฏิรูปภาคเกษตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งนโยบายส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่  ศูนย์เรียนรู้ ศพก. 882 ศูนย์  Agri-Map ระบบส่งน้ำและกระจายน้ำ ระบบเกษตรปลอดภัยและอินทรีย์  การสร้าง Smart /Young  Smart Farmer และยกระดับความเข้มแข็งสหกรณ์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พัฒนาในระดับพื้นที่เด่นชัดขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในเกณฑ์ดี  ซึ่งเป็นส่วนสำคัญให้ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรขยายตัวซึ่งคาดการณ์ว่า ครัวเรือนเกษตรมีรายได้ทางการเกษตร 160,835 บาทต่อครัวเรือน สัดส่วนรายได้จากผลผลิตพืช ร้อยละ 70.98 ผลผลิตสัตว์ ร้อยละ 25.43 และรายได้ทางการเกษตรอื่น ร้อยละ 3.59 ซึ่งกลุ่มสินค้าเกษตรสำคัญ ซึ่งเป็นที่มาของรายได้ในภาพรวมของประเทศ ได้แก่ ข้าว ไม้ผลไม้ยืนต้น พืชไร่ ปศุสัตว์และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตามลำดับ

            อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรแบบรายภาค พบว่า ทุกภาคมีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากการผลิตทางการเกษตรมีการปรับตัวดีขึ้น หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะแห้งแล้งและปริมาณน้ำไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกในช่วงปีที่ผ่านมา และสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับตัวดีขึ้น โดยภาคใต้มีการขยายตัวมากที่สุด รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ

               ภาคใต้ คาดว่าภาคเกษตรจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 3.6 – 4.6 จากการขยายตัวของสาขาพืชและสาขาประมงเป็นหลัก โดยสินค้าเกษตรสำคัญที่คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าว ผลไม้ (ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง) และกุ้งเพาะเลี้ยง เกษตรกรมีรายได้เงินสดทางการเกษตร 222,622 บาทต่อครัวเรือน

                ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าภาคเกษตรจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.4 – 3.4 จากการขยายตัวของสาขาพืช สาขาปศุสัตว์ และสาขาประมง เป็นหลัก โดยสินค้าที่คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา หอมแดง โคเนื้อ และไก่เนื้อ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของการจับสัตว์น้ำจืดตามธรรมชาติ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เกษตรกรมีรายได้เงินสดทางการเกษตร 107,007 บาทต่อครัวเรือน

               ภาคกลาง คาดว่าภาคเกษตรจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.2 – 3.2 จากการขยายตัวของสาขาพืช สาขาปศุสัตว์ สาขาประมง และสาขาบริการทางการเกษตร โดยสินค้าเกษตรสำคัญที่คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว ผลไม้ (ทุเรียน มังคุด                และเงาะ)  อ้อยโรงงาน สับปะรดโรงงาน ไก่เนื้อ สุกร ปลาน้ำจืด และกุ้งเพาะเลี้ยง เกษตรกรมีรายได้เงินสดทางการเกษตร 264,395 บาทต่อครัวเรือน

              ภาคเหนือ คาดว่าภาคเกษตรจะขยายตัวในช่วงร้อยละ  1.6 – 2.6 จากการขยายตัวของสาขาพืชและสาขาบริการทางการเกษตรเป็นหลัก โดยสินค้าเกษตรสำคัญที่คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปรัง ลำไย อ้อยโรงงาน ลิ้นจี่ ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสับปะรดโรงงาน เกษตรกรมีรายได้เงินสดทางการเกษตร 167,854 บาทต่อครัวเรือน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ