โดย อาจารย์พิสิฐ อำนวยเงินตรา อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โลกโซเชียลเวียดนามคงไม่มีข่าวไหนจะฮอตฮิตไปกว่าข่าวทีมฟุตบอลชายทีมชาติเวียดนามรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี สามารถเก็บแต้มประวัติศาสตร์ในศึกฟุตบอลโลก 2017 รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นแต้มประวัติศาสตร์แรกของเวียดนามและตัวแทนจากชาติอาเซียนที่เคยเข้าแข่งขันรายการนี้
การที่เวียดนามผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกยู-20 ครั้งนี้ ต้องยกเครดิตให้กับโค้ช ฮว่าง แอ็ง ต๋วน ที่ใช้เวลาสองปีในการพัฒนาทีมเยาวชนเวียดนามชุดนี้ขึ้นมา แม้ว่าการประเดิมอาชีพหัวหน้าผู้ฝึกสอนในนามทีมชาติครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในปี 2015 จะได้เพียงรองแชมป์ หลังจากที่แพ้ทีมชาติไทยไปด้วยสกอร์ 0-6
อย่างไรก็ตามในปีต่อมากลายเป็นปีทองของลูกทีมฮว่าง แอ็ง ต๋วน เมื่อสามารถเอาชนะเจ้าภาพบาห์เรนในการแข่งขันฟุตบอลเอเชียเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี รอบ 8 ทีมสุดท้ายชนิดช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่นไปด้วยสกอร์ 1-0 และเป็นประตูส่งให้เวียดนามกลายเป็น 1 ใน 5 ตัวแทนจากทวีปเอเชียร่วมกับ ญี่ปุ่น อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย และเจ้าภาพเกาหลีใต้ ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกยู-20 รอบสุดท้ายในปี 2017
การผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกยู-20 ของเวียดนามครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเวียดนาม และยังเป็นชาติที่ 4 ของอาเซียนที่ผ่านเข้ามาแข่งขันรายการนี้ ต่อจาก อินโดนีเซีย (ปี 1979 ที่ญี่ปุ่น) มาเลเซีย (ปี 1997 เป็นเจ้าภาพเอง) และเมียนมาร์ (ปี 2015 ที่นิวซีแลนด์)
ฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปีครั้งนี้ มีชาติเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 24 ชาติ จาก 6 ทวีป มีทีมชั้นนำผ่านเข้ารอบหลายทีม อาทิ อาร์เจนติน่า อุรุกวัย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โดยแบ่งทั้งหมดออกเป็น 6 กลุ่ม และนำสองอันดับแรกของแต่ละกลุ่ม พร้อมกับอันดับสามที่ดีที่สุดสี่ทีม ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป โดยเวียดนามจับสลากอยู่ร่วมสายอี กับ ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ และฮอนดูรัส
ทีมชาติเวียดนามประเดิมสนามนัดแรกด้วยการเก็บหนึ่งแต้มประวัติศาสตร์จากการเสมอทีมชาตินิวซีแลนด์แบบไร้สกอร์ไป 0-0 แต้มดังกล่าวยังเป็นแต้มประวัติศาสตร์ของตัวแทนฟุตบอลอาเซียนที่ไม่เคยมีทีมจากอาเซียนทีมใดทำได้มาก่อน อย่างไรก็ตามในนัดที่สองเวียดนามไม่สามารถต้านความแข็งแกร่งของทีมเต็งแชมป์อย่างฝรั่งเศส ทำให้แพ้ไปด้วยสกอร์ 0-4 ผ่านไปสองนัดเวียดนามเก็บได้ 1 แต้ม รั้งอันดับสามของกลุ่มอี และจะเตะนัดสุดท้ายชี้ชะตากับทีมชาติฮอนดูรัสในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้
จริงๆ แล้วการที่เวียดนามได้ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกยู-20 ถือว่ามาไกลเกินฝัน เมื่อเทียบกับเป้าหมายในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาฟุตบอลเวียดนามปี 2020 ภายใต้วิสัยทัศน์ปี 2030 ที่ระบุว่า ระหว่างปี 2012-2020 ทีมฟุตบอลชายทีมชาติเวียดนามและทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ต้องคว้าแชมป์ฟุตบอลอาเซียนหรือแชมป์ซีเกมส์ให้ได้ 1-2 สมัย และทีมฟุตบอลชายทีมชาติเวียดนามต้องติด 1 ใน 15 ทีมชั้นนำของทวีปเอเชีย ขณะที่เป้าหมายระยะต่อมา คือ ระหว่างปี 2021-2030 ทีมฟุตบอลชายทีมชาติเวียดนามตั้งเป้าติด 1 ใน 10 ชาติที่ดีที่สุดของทวีปเอเชียให้ได้ จากเป้าหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เป้าหมายขั้นแรกของเวียดนามคือการมุ่งไปสู่การคว้าแชมป์ระดับภูมิภาค ก่อนจะพัฒนาทีมไปสู่ทีมชั้นนำของทวีปในทศวรรษหน้า
มาติดตามกันต่อว่า ทีมชาติเวียดนามรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในฟุตบอลโลกครั้งนี้จะมีเซอร์ไพรส์อะไรให้เราเห็นหรือไม่ แต่เชื่อได้ว่าหากทีมเยาวชนเวียดนามชุดนี้มีการพัฒนาที่ต่อเนื่อง ก็น่าจะเป็นทีมที่น่ากลัวทีมหนึ่งและอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของทีมชาติไทยในอนาคตก็เป็นได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง