ข่าว

‘เตยหอม’สุดยอดสมุนไพรบำรุงหัวใจ 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วิธีการทำน้ำเตยหอมให้อร่อย

 

                    ใครจะรู้บ้างว่าใบเตยหรือเตยหอมที่นำมาเป็นผสมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทำให้มีสีสันสวยงาม ส่งหลิ่นหอม น่ารับประทาน มีคุณประโยชน์ที่มากหลาย  เตยหอม(Pandanus Palm จัดเป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยทุกคนต่างก็รู้จักกันดี เนื่องจากมีการนำมาใช้กันอย่างหลากหลายมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาปรุงแต่งอาหารอย่างขนมไทยให้มีกลิ่นหอม อร่อย และยังให้สีสันน่ารับประทานอีกด้วย นอกจากนี้ใบเตยยังประกอบด้วยวิตามิน และแร่ธาตุสำคัญอีกหลายชนิด โดยใบเตยหอมจะมีเบต้าแคโรทีน, วิตามินซี, วิตามินบี2, วิตามินบี3, ธาตุแคลเซียม, ธาตุเหล็ก, ธาตุฟอสฟอรัส, คาร์โบไฮเดรต, โปรตีน และยังให้พลังงานอีกด้วย 

                      เตยหอมมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น ชาวจีนเรียก พังลั้ง และชาวมลายูเรียก ปาแนะวองิง หรือหวานข้าวไหม้  ปัตตานี นราธิวาสเรียก ปานหนัน  ใบจะมีกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย โดยสีเขียวที่ได้จากใบจะเป็นสีของคลอโรฟิลล์ นำมาใช้แต่งสีขนมได้ สามารถใช้ได้ทั้งกับใบสดหรือใบแห้ง เตยหอมจัดว่าเป็นไม้ยืนต้นพุ่มเล็ก ลำต้นเป็นข้อ ๆ ขึ้นอยู่เป็นกอๆ โดยลำต้นของต้นเตยหอมจะอยู่ใต้ดิน ส่วนใบนั้นจะเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด คล้ายใบหอก มีกลิ่นหอม โดยออกแบบเรียงสลับเวียนกันขึ้นไปจนถึงยอดใบ สีเข้ม และแข็ง บริเวณปลายใบจะแหลม และขอบใบนั้นจะเรียบ  เมื่อเจริญเติบโตแล้วจะมีรากคอยค้ำไว้ช่วยในการพยุงลำต้นไว้  ดอกเป็นดอกช่อแบบสแปดิก (spadix) ดอกย่อยแยกเพศและแยกต้น ไม่มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก มีผลขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ไม่เกิดดอกและผลจะเป็นเตยเพศผู้ 

                     สรรพคุณทางยาของเตยหอม ใบมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น และช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ แก้กษัย ส่วนต้นและรากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิต ดับพิษไข้ได้เป็นอย่างดี  นอกจากนี้ใบเตยหอมสามารถนำมาทำน้ำใบเตยหอมเพื่อรับประทานได้อีกด้วย

วิธีการทำน้ำเตยหอม

                  เริ่มจากเตรียมวัตถุดิบประกอบด้วย ใบเตยหั่น 2 ถ้วย น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ  น้ำ 4 ถ้วยและน้ำแข็งก้อน จากนั้นนำใบเตยที่หั่นไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วใส่ลงในโถปั่นพร้อมกับน้ำเล็กน้อย ปั่นจนละเอียดเมื่อปั่นเสร็จให้กรองเอากากออกแล้วนำน้ำใบเตยสีเขียวเทใส่ถ้วยพักไว้ ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟระดับกลาง ๆ จนเดือด ใส่ใบเตยที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งลงไปต้มประมาณ 5-10 นาทีใส่น้ำตาลลงในหม้อต้มจนน้ำตาลละลาย แล้วให้ปิดไฟแล้วยกลง กรองเอากากออก หลังจากนั้นให้ยกหม้อขึ้นตั้งไฟระดับกลางอีกครั้ง รอจนเดือดแล้วปิดไฟ ยกหม้อลงปล่อยให้เย็นเป็นอันเสร็จ แล้วนำน้ำใบเตยใส่น้ำแข็งเพื่อรับประทานได้ทันที 

ที่มาข้อมูล:  www.gotoknow.org 

                  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

                  เว็บไซต์เมดไทย(MedThai)

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ