ข่าว

“เจียไต๋”เปิดฟาร์มโชว์เมล็ดพันธุ์ไฮบริด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย - สุรัตน์ อัตตะ

                        ความสำเร็จของบริษัท เจียไต๋ จำกัด ไม่ใช่แค่ผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์พืชผัก แต่ต้องการก้าวขึ้นสู่เป็นฮับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังเปิดสถานีวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์เจียไต๋ ถ.ริมคลองชลประทาน ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่บนเนื้อที่กว่า 60 ไร่โชว์ความเป็นผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์อีกครั้งระหว่างวันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อว่า Field day Inaternational 2017 พร้อมเชิญคู่ค้าจากทั่วโลกร่วมชมและคัดเลือกสายพันธุ์พืชผักกว่า 20 ชนิดมากกว่า 400 สายพันธุ์ อาทิ แตงกวาหลานเจียไต๋ มะเขือเทศ แตงโม พิก ฟักทอง เมล่อน ข้า;โพดหวานสีม่วง มะระ กะกล่ำ รวมถึงผักใบเช่นคะน้า กวางตุ้ง เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของในแต่ละประเทศ และแต่ละภูมิภาค 

“เจียไต๋”เปิดฟาร์มโชว์เมล็ดพันธุ์ไฮบริด

                         “สถานีวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์เจียไต๋หลัก ๆ มีอยู่ 2 แห่งที่กาญจนบุรีและเชียงใหม่ ที่เมืองกาญจน์นั้นจะเน้นพันธุ์พืชผักที่เติบโตได้ดีในเขตอากาศร้อน ส่วนที่เชียงใหม่จะเน้นพืชผักเมืองหนาว งานเปิดฟาร์มปีนี้มีความพิเศษตรงที่เราเชิญคู่ค้าและนักปรับปรุงพันธุ์จากทั่วโลกมาเยี่ยมชมแล้วเราก็ผลิตพิืชผักให้ตรงกับเวลาที่เก็บเกี่ยวพอดีเพื่อสะดวกแก่ผู้เข้าชมและคู่ค้าซึ่งเดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อทำการร่วมคัดเลือกสายพันธุ์ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งในคราวนี้สินค้าที่ได้รับความนิยม ขายดีเป็นที่ต้องการมากที่สุดได้แก่ กลุ่มมะเขือกเทศโดยการันตีจากลูกค้ากลุ่มอเมริกาและอเมริกาใต้”

                         บุญมี ออกแมน รองกรรมการผู้จัดการธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผยว่าการส่งออกเมล็ดพันธุ์เป็นเป้าหมายหลักของเราทำการค้าจนถึงปัจจุบัน มีการส่งออกเมล็ดพันธุ์ไปในแถบยุโรปอาทิ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส รัสเชียและในแถบเอเชีย จีน อินเดีย บังกลาเทศ เกาหลีใต้ ซึ่งเมล็ดพันธุ์เจียไต๋เป็นที่ต้องการของตลาดนานาชาติอย่างมาก เนื่องจากคุณภาพและมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ได้รับการการพัฒนามาอย่างพิถีพิถันตรงกลุ่มเป้าหมายความต้องการ

“เจียไต๋”เปิดฟาร์มโชว์เมล็ดพันธุ์ไฮบริด

                        “วันนี้มีทั้งคู่ค้าและนักปรับปรุงพันธุ์จากต่างแดนที่มาในงานมีหลากหลายสัญชาติ ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกัน อินโดนีเซีย พม่า อาร์เจนติน่า เวียดนาม ตุรกี อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ สเปน และจากอีกหลาย ๆ ประเทศเกือบทุกมุมโลก ต่างเข้ามาดูผลผลิตในฟาร์มเพื่อนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากเจียไต๋เพื่อนำไปจำหน่ายยังประเทศของตนและส่งออกไปยังประเทศใกล้เคียง”

                      บุญมีระบุว่าโลกกำลังประสบปัญหาสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น โดยเฉพาะตลาดในโซนตะวันออกกลาง สภาพอากาศเป็นแบบทะเลทราย อุณภูมิค่อนข้างสูงถึงสูงจัด ทำให้ผลแตงโมที่ผลิตออกมามีอาการไหม้แดดทำให้ผลผลิตเสียหายและจำหน่ายไม่ได้ เจียไต๋ได้มีการปรับปรุงพันธุ์ผลผลิตที่ตอบโจทย์ คือแตงโมพันธุ์ WM No.12 ซึ่งมีใบดกกว่าแตงโมพันธุ์ทั่วไปและใบช่วยปกป้องไม่ให้ผลผลิตเสียหาย ทำให้สามารถจำหน่ายผลผลิตออกสู่ตลาดได้

“เจียไต๋”เปิดฟาร์มโชว์เมล็ดพันธุ์ไฮบริด

                      “ตลาดหลักเมล็ดพันธุ์แตงโมของเราตอนนี้อยู่ที่อินเดีย ปากีสถานและบังกลาเทศ ตอนนี้เรากำลังขยายตลาดไปยังแอฟริกา สหรัฐอเมริกาและอเมริกาใต้ โดยผ่านทางบริษัท โบนันซ่า ซีดส์ของคุณโจ ต้องการเมล็ดพันธุ์ไฮบริด WM No.12 ของเราไปทำตลาดในแถบนั้น ข้อดีของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ ใบดก ทนต่อโรค มีระยะเวลาการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวสั้นเพียง 70-75 วัน น้ำหนักเฉลี่ย 10-15 กิโลกรัมต่อผล เนื้อทรายสีแดงเข้ม รสชาดหวาน กรอบ น้ำเยอะ ที่สำคัญมีราคาจำหน่ายสูงกว่าพันธุ์ดั้งเดิมประมาณ 20-30 เท่า”

                        โจ วาเลนเซีย(Joe valencia) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โบนันซ่า ซีดส์ จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้คู่ค้าที่มางาน Field day International ในครั้งนี้ บอกว่าบริษัทได้ทำการค้าขายเมล็ดพันธุ์กับเจียไต๋มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปีแล้ว การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อต้องการมาดูเมล็ดพันธุ์แตงโมของเจียไต๋ที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์มาเป็นไฮบริดหรือ F1 ซึ่งเมล็ดพันธุ์แตงโมของบริษัทที่จำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วโลกในขณะนี้ กว่า 90 เปอร์เซนต์เป็นเมล็ดพันธุ์ OP 

                         “โบนันซ่าเป็นบริษัทที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ OP เป็นหลัก ประมาณ 90% ส่วนเมล็ดพันธุ์ไฮบริดจะมองหาคู่ค้าอย่างเจียไต๋ เนื่องจากการผลิตเมล็ดพันธุ์ไฮบริดนั้นต้องใช้การลงทุนที่สูง โบนันซ่าจึงเลือกที่จะนำเข้าเมล็ดพันธุ์ไฮบริดที่มีคุณภาพแทน และส่งออกไปยังประเทศอื่นๆกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ถึงแม้พันธุ์ไฮบริดจะมีราคาสูงกว่าเมล็ดพันธุ์ OP มากถึง 20 เท่า แต่ก็ยังถือเป็นปัจจัยการผลิตที่มีราคาถูก เมื่อเทียบกับปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นสิ่งจำเป็นในแปลง”

                           ผู้จัดการทั่วไปโบนันซ่า ซีดส์ระบุอีกว่าสาเหตุที่ในประเทศแถบเขตร้อน ทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกาใต้ให้ความสนใจแตงโมก็เพราะกว่าเป็นผลไม้ที่รับประทานในชีวิตประจำวันแทนอาหาร ขณะเดียวกันแตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำมาก เหมาะกับการบริโภคในประเทศทีี่มีสภาพภูมิอากาศร้อน ขณะที่มีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับไม้ผลชนิดอื่น 

                      “พฤติกรรมของผู้บริโภคในแถบตะวันออกกลาง อย่าง ซาอุดิอาราเบีย ตุรกี ซีเรีย อิรัก เป็นเมืองร้อน เป็นตลาดที่เขาชอบกินอยู่แล้ว เพราะแตงโมมีน้ำเยอะ เขาจะเริ่มปลูกในช่วงสปริง ฤดูใบไม้ผลิตและจะเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนมิถุนายน กรกฎาคม ดัังนั้นในช่วงนี้ก็จะเริ่มจะทยอยส่งเมล็ดพันธุ์ให้กับลูกค้าในประเทศต่า่ง ๆ เหล่านี้”

                     เขายอมรับว่าข้อดีของเมล็ดพันธุ์ไฮบริดสำหรับแตงโมคือ ได้ผลผลิตที่มีขนาดใหญ่ รสชาติหวานสม่ำเสมอ มีสีและรสสัมผัสตามที่ตลาดต้องการ สะดวกในการขนส่ง เพราะเป็นแตงโมทรงหมอน ทำให้ประหยัดพื้นที่ ที่สำคัญทนต่อโรค เช่นโรคเหียวทีเรียกว่าฟิวซาเรียมวิลท์ (Fusarium wilt)

                   "ถามว่าทำไมถึงต้องเป็นแตงโม ตลาดในอเมริกาจะนิยมบริโภคแตงโมผลเล็กเป็นหลัก ขนาดผลอยู่ที่ประมาณ 7 กิโลกรัม ส่วนตลาดตะวันออกกลางจะนิยมบริโภคแตงโมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย 10-15 กิโลกรัม เนื่องจากครอบครัวมีขนาดที่ใหญ่กว่า ตัวเลขสมาชิกในครอบครัวมีมากกว่า" โจกล่าวทิ้งท้าย

                  อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน เจียไต๋ผลิตเมล็ดพันธุ์แตงโมได้ประมาณ 60 ตันต่อปี ทั้งไฮบริดและ OP มีส่วนแบ่งการตลากในประเทศเพียง 1 เปอร์เซนต์ของผลผลิตทั้งหมด ส่วนเหลือส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งการผลิตเมล็ดพันธุ์ขณะนี้ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค

                                            ..............................................................................................

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ